เกิดอะไรขึ้นบ้างในเกมนี้?
ซิตี้ออกสตาร์ทด้วย 5 นักเตะดาวรุ่งที่ได้ลงประเดิมสนามนัดแรก และ มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่น 10 ตำแหน่งจากเกมที่แล้ว
ซีเจ อีแกน-ไรเลย์, ลุค เอ็มเบเต้, ฟิน เบิร์นส์, จอช วิลสัน-เอสแบรนด์ และโรเมโอ ลาเวีย ได้โอกาสลงประเดิมสนาม และลงเล่นด้วยความมั่นใจ
ผู้มาเยือนอย่างวีคอมบ์ นำทีมโดยอเดบาโย อาคินเฟนว่า ทำผลงานได้ดีในช่วงต้นเกม 20 นาทีแรก มีโอกาสทำประตูได้ 2-3 ครั้ง, ในขณะที่โอกาสที่ดีที่สุดของซิตี้คือลูกโหม่งของเฟร์ราน ตอร์เรส
แต่แล้วประตูแรกก็ตกเป็นของ “Chairboys” หลังจากซิตี้เคลียร์ลูกเตะมุมไม่ขาด จึงถูกแบรนดอน ฮันลันลงโทษในนาทีที่ 22
เพียงแค่ 6 นาทีต่อมา, ซิตี้ได้ประตูตีเสมอทันควัน จากจังหวะการใช้ความสามารถเฉพาะตัวของฟิล โฟเด้น ลากบอลขึ้นหน้า และจ่ายออกมาให้กับเควิน เดอ บรอยน์ แปโค้ง ๆ ผ่านกองหลังและมือผู้รักษาประตูวีคอมบ์ เข้าไปที่เสาไกล
ไม่กี่นาทีต่อมา, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้โอกาสยิงระยะ 20 หลาแต่บอลพุ่งตรงไปชนเสา
ริยาด มาห์เรซ ซัดไปชนเสาเช่นกันในนาทีที่ 42, เพียงแค่ 1 นาทีต่อมา จอช วิลสัน-เอสแบรนด์ ทำแอสซิสต์แรกให้กับตัวเองในเกมนัดประเดิมสนามได้สำเร็จ เมื่อเขาดวลเอาชนะกองหลังวีคอมบ์ ก่อนจะลากบอลมาถึงสุดเส้น และจ่ายกลับมาให้มาห์เรซทำประตูได้ในระยะ 10 หลา, เป็นซิตี้ที่ขึ้นนำ 2-1
ต่อมาเพียงแค่ 2 นาที, ฟิล โฟเด้น ทำประตูให้ซิตี้หนีห่างอีกครั้ง
เขารับบอลจากลูกเตะมุม และซัดไกลทันทีจากนอกกรอบเขตโทษ บอลแรงเกินกว่าที่ผู้รักษาประตูเดวิด สต็อคเดลล์จะปัดออกไปได้, ส่งผลให้ซิตี้ขึ้นนำ 3-1 ก่อนหมดครึ่งแรก
ต่อมาในนาทีที่ 71, ฟิลโฟเด้น จ่ายบอลเข้ามาหน้าประตูที่จุดนัดพบ และเป็นเฟร์ราน ตอร์เรสยิงจ่อ ๆ เข้าไปไม่เหลือในระยะ 10 หลา
เจมส์ แม็คอาร์ตี้ได้ลงประเดิมสนามในฐานะตัวสำรอง ลงสนามมาพร้อมกับโคล พาลเมอร์ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ฟุตบอลอาชีพ
จากนั้นซิตี้มาได้เพิ่มอีก 2 ประตูจากริยาด มาห์เรซ ในนาทีที่ 83, และลูกปั่นโค้ง ๆ ของโคล พาลเมอร์ในนาทีที่ 88
จบเกมเป็นซิตี้เปิดบ้านเอาชนะทีมจากลีกวันอย่างวีคอมบ์ 6-1, ผ่านเข้าสู่คาราบาว คัพ รอบที่ 4 ได้สำเร็จ