บทบาทในทีม :
สโตนส์ลงเล่นฟุตบอลโลกไปแล้วทั้ง 3 เกมที่ผ่านมา (1,173 นาที) และดูเหมือนจะเป็นกองหลังตัวหลักในขุมกำลังของแกเร็ธ เซาธ์เกท เขาถูกเปลี่ยนตัวออกมาในเกมเมื่อวันพฤหัสบดีในช่วงครึ่งหลังเนื่องจากอาการเจ็บที่น่อง แต่ก็ไม่ร้ายแรงและน่าจะได้ลงเล่นในเกมกับโคลัมเบียรอบ 16 ทีมสุดท้าย
เจ้าตัวถือเป็นกองหลังชั้นยอดเลยทีเดียว เมื่อมีเปอร์เซ็นต์การเข้าบอลชนะถึง 88% ของทุกการเข้าปะทะ และแย่งบอลได้ถึง 17 ครั้ง นอกจากนี้เขายังเป็นส่วนสำคัญในเกมรุกอีกด้วย เห็นได้จากเกมที่เจอตูนิเซีย เขาก็ขึ้นไปเทคตัวโหม่งเต็มๆแต่ยังดีที่นายทวารอย่างมูเอส ฮัสเซน ยังปัดทิ้งเอาไว้ได้ และในนัดกับปานามา ที่เจ้าตัวมีชื่อทำสกอร์จากลูกโหม่งทั้ง 2 ประตูอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีเปอร์เซ็นการจ่ายบอลที่แม่นยำถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเปิดบอลขึ้นหน้าจากแผงกองหลังได้อย่างยอดเยี่ยม อดีตนายใหญ่อังกฤษอย่าง รอย ฮอดจ์สัน บางครั้งก็เคยใช้สโตนส์ในตำแหน่งแบ็คขวาและยังแนะนำว่าเขาควรเล่นในตำแหน่งกองกลาง แต่นั่นก็คงจะยากที่จะเห็นเซาท์เกทใช้เขาในตำแหน่งนอกจากกองหลัง
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของทีมชาติโดยมีวอล์คเกอร์ขนาบข้างขวา และแฮร์รี่ แม็คไกวร์ ทางด้านซ้าย
ไฮไลท์สำคัญ :
เขาลงเล่นให้กับทีมชาติไปแล้ว 29 นัด โดยนัดแรกของเขากับทัพทรีไลออนส์ เป็นเกมกระชับมิตรที่เจอกับเปรู และเขาลงมาในครึ่งเวลาหลัง เมื่อปี 2014 เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมกับนอร์เวย์ และอีก 5 วันถัดมาก็ได้ลงตัวจริงอีกครั้งในเกมแพ้สวิตเซอร์แลนด์ 2-0 ในเกมคัดเลือกฟุตบอลยูโร 2016
เขาถือเป็นส่วนสำคัญกับทีมชาติอังกฤษตั้งแต่รอบคัดเลือกมาจนถึงรอบสุดท้าย โดยเขานั่งเป็นตัวสำรองและไม่ได้ลงเล่นจากทุกครั้งที่ถูกเรียกติดทีมชาติเพียงแค่ 4 เกมเท่านั้น สโตนส์เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมมาด้วยความมั่นใจและความโดดเด่นในเวทีระดับประเทศ มาติดตามกันว่าเขาจะพาอังกฤษไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลกหนนี้
