ลิ่วรอบ 5 ซิตี้รัวแซงเชลท์แน่ม ฉลุยเอฟเอ คัพ

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โล่งอก! หลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบเสียท่าเมื่อโดนเจ้าบ้าน เชลท์แน่ม ทีมจากลีกทูขึ้นนำไปก่อน

อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายเกมมารัวคืนทีเดียว 3 ประตู แซงกลับมาคว้าชัย 3-1 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 5 ต่อไป ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 คืนวันเสาร์ที่ผ่านมาได้สำเร็จ

เกิดอะไรขึ้นบ้าง

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่าง เชลท์แน่ม ทีมจากลีกทู เปิดจอนนี่-ร็อคส์ สเตเดี้ยมของตัวเองรับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากพรีเมียร์ลีก ซึ่งผู้ชนะของเกมนี้จะบุกไปเยือน สวอนซี ทีมจากแชมเปี้ยนชิพ ในรอบ 5 ระหว่างวันที่ 8-11 กุมภาพันธ์นี้

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปลี่ยนถึง 10 ตำแหน่งจากเกมลีกที่เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 2-0 มีเพียงแค่ ฟิล โฟเด้น คนเดียวที่ลงต่อเนื่องโดยจะประสานเกมรุกร่วมกับ ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส และเฟร์ราน ตอร์เรส

เชลท์แน่ม ได้โอกาสทองในนาที 23 หลัง แอลฟี่ เมย์ เล่นชิ่งกับ ฟินน์ เอซาซ ก่อนที่กระดกบอลข้ามแนวรับซิตี้ให้ เมย์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดเสาแรกแต่ยังไปติดเซฟของ แซ็ค สเตฟเฟ่น 

ลูกทีมของ เป๊ป พยายามบดกดดันเจ้าถิ่นแต่ยังหาโอกาสพังตาข่ายขึ้นนำไม่สำเร็จ นาที 39 โฟเด้น หุบเข้าไปเล่นตรงกลางก่อนแทงขึ้นหน้าให้ ริยาด มาห์เรซ พลิกหลบแล้วตะบันด้วยซ้ายนอกกรอบบอลพุ่งแรงแต่ก็ยังไปตรงตัว โจชัว กริฟฟิธส์ ทุบออกมาได้ ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่าหยุดเกมชั่วคราวเนื่องจากมีแฟนบอลจุดพลุอย่างต่อเนื่องอยู่นอกสนาม ก่อนจะกลับมาเล่นกันต่อ

    แม้ผู้ตัดสินจะทดเวลาเจ็บครึ่งแรกออกไปถึง 6 นาทีแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกันได้ เชลท์แน่ม ยังเสมอกับ แมนฯซิตี้ แบบไร้สกอร์ 0-0

ครึ่งหลัง นาที 53 ทัพเรือใบสีฟ้าพลาดโอกาสชิงขึ้นนำอีกครั้งหลัง ฟิล โฟเด้น จ่ายบอลให้ กาเบรียล เชซุส หลุดเข้าไปยิงผ่านมือ กริฟฟิธส์ ได้แล้วแต่บอลพุ่งไปชนเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

    นาที 59 กลายเป็น เชลท์แน่ม ที่ทำช็อกพังประตูขึ้นนำ แมนฯซิตี้ ไปก่อน 1-0 จากจังหวะทุ่มไกลจากข้างสนามเข้ามา ชาร์ลี เรแกลนที่ขึ้นโขกเอาชนะ ลาป๊อร์กต์ บอลเช็ดไปโดน จอร์จ ลอยด์ ก่อนที่จะเข้าทาง แอลฟี่ เมย์ ที่โฉบมาจิ้มบอลผ่าน แซ็ค สเตฟเฟ่น เข้าไป

ลูกทีมของเป๊ปพยายามอย่างหนัก กระทั่ง นาที 81 “เรือใบสีฟ้า” มาไล่ตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ ชูเอา กานเซโล่ ครอสเข้าไปในกรอบ ฟิล โฟเด้น สอดเข้าไปแปด้วยซ้ายเข้า

จากนั้นนาที 85 แมนฯซิตี้ มาแซงขึ้นนำ 2-1 จนได้แฟร์นานดินโญ่ตักบอลข้ามหัวแนวรับเจ้าถิ่นให้ กาเบรียล เชซุส หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปก่อนดูดบอลลงอย่างเนียนแล้วซัดด้วยขวาส่งบอลผ่าน กริฟฟิธส์ นายด่านเชลท์แน่มเข้าไป

ช่วงทดเจ็บ นาที 90+4 ลูกทีมของเป๊ปมาได้ประตูที่สามหนีห่างเป็น 3-1 จากจังหวะที่ อิลคาย กุนโดกัน ตัวสำรองหักจากเส้นหลังเข้าไปให้ เฟร์ราน ตอร์เรส ยิงเข้าไป จบเกม แมนฯซิตี้ หืดจับแซงกลับมาเอาชนะ เชลท์แน่ม 3-1 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 5 โดยจะเข้าไปพบกับ สวอนซี ในช่วงวันที่ 8-11 กุมภาพันธ์นี้

หมายความว่าอย่างไร...

แมนฯซิตี้ จะผ่านไปเจอกับสวอนซี ในศึกเอฟเอ คัพ รอบที่ 5 ต่อไป 

โดยจะเตะกันที่ลิเบอร์ตี้ สเตเดียม ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์

หลังเกมจากบอสเป๊ป

“เชลท์แน่ม ทำให้ผมประทับใจมาก พวกเขาเล่นได้อย่างรัดกุม ผมชอบวิธีที่เข้าสื่อสารกัน วิธีที่เขาสู้กับเรา  เรารู้ดี  มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะต้องเจอกับทีมในลีกที่ต่ำกว่า ทั้งออกไปเยือนหรือเล่นในบ้าน กับการแข่งขันรายการนี้”

“เกมอาจเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหากเกมนี้พวกเราได้ประตูขึ้นนำก่อน”

“ผมรู้ดีจากประสบการณ์ ตอนเราเล่นกับนิวพอร์ตเมื่อสองปีก่อน และเราเอาชนะได้ในนาทีสุดท้ายของครึ่งหลัง มันยากมาก และกับวีแกนด้วยที่เราพ่ายแพ้ เราจึงรู้ดีว่าเอฟเอคัพเป็นยังไง และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ดีที่ทุกทีมสามารถเอาชนะได้หมด ใครก็ได้”

“แต่หากดูถึงความรับผิดชอบกันของเราตลอด 90 นาที ตอนโดนนำ 1-0 นั้น ผมไม่ได้กังวลอะไร กับวิธีการเล่นหรือพฤติกรรมของเรา และโชคดีที่เราได้ความสามารถพิเศษจากการครอสบอลของกันเซโล่ จากการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยมจากกาเบรียลและฟิล มันยอดเยี่ยมมาก

“ผมมีความสุขที่เราผ่านมาได้ และตอนนี้เราจะเจอกับสวอนซีต่อไป”

โปรแกรมถัดไป

ซิตี้จะออกไปเยือนเวสต์บรอมฯ ในศึกพรีเมียร์ลีก คืนวันอังคารนี้ 03.15 น. หากเราเอาชนะได้ จะขึ้นไปในตำแหน่งจ่าฝูงได้อย่างน้อย 24 ชม. ก่อนแมตซ์ของยูไนเต็ด vs เชฟฟิลด์ฯ

และเชฟฟิลด์นั้นเอง จะต้องบุกมาเยือนเอติฮัดต่อในคืนวันเสาร์ที่จะถึงข้างหน้า เวลา 22.00 น.

ไลน์-อัพ

แมนฯ ซิตี้  : แซ็ค สเตฟเฟ่น - เทย์เลอร์ ฮาร์วูด-เบลลิส (รูเบน ดิอาส น.68), อายเมริค ลาปอร์กต์, เอริค การ์เซีย, เบนจามิน เมนดี้ (เจา กันเซโล่ น.77) - เฟร์ราน ตอร์เรส, แฟร์นันดินโญ่, ทอมมี่ ดอยล์ (อิลคาย กุนโดกัน น.68) - ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เฆซุส, ฟิล โฟเดน

เชลท์แน่ม  : โจชัว กริฟฟิธส์ - ชาร์ลี เรแกลน, เบน โทเซอร์, วิลเลี่ยม บอยล์ - แม็ตตี้ แบลร์, คอเนอร์ โธมัส, ฟินน์ เอซาซ (แอนดี้ วิลเลี่ยมส์ น.81), คริส เคลเมนต์ส (อเล็กซ แอดดาย น.89), ลูอิส ฟรีสโตนส์ - แอลฟี่ เมย์, จอร์จ ลอยด์ (ฌอน ลอง น.69)