น่าเสียดายที่ไม่มีนักเตะจากแมนเชสเตอร์​ ซิตี้คนใดได้ฉลองที่เวมบลีย์ หลังจากมหกรรมฟุตบอลยูโรปิดฉากลงเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เจ้านายเก่าของเราอย่างโรแบร์โต มันชินี่ พาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ในนัดชิงชนะเลิศ พวกเขาเอาชนะจุดโทษทีมชาติอังกฤษ - หักอก 4 นักเตะซิตี้อย่างฟิล โฟเด้น, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง,จอห์น สโตนส์ และไคล์ วอล์คเกอร์

SHOP THE MADCHESTER RANGE NOW

เป็นค่ำคืนที่น่าผิดหวังของพลพรรคสิงโตคำราม, แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นักเตะซิตี้ทุกคนสามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้ทั้งหมด

วันนี้เราจะพาแฟน ๆ ไปย้อนชมผลงานของพวกเขาในทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา

นาธาน อาเก้

หลังจากเริ่มต้นฤดูกาลแรกกับซิตี้ได้ไม่ดีนัก เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยครั้ง, อาเก้วัย 26 ปีมีชื่อติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ของแฟรงค์ เดอ บัวร์, เขาลงเล่นไป 52 นาทีเท่านั้นในทัวร์นาเมนต์นี้ - ทีมอัศวินสีส้มจบเส้นทางลงที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยการแพ้ต่อสาธารณรัฐ เช็ก

อาเก้ลงเล่น 26 นาทีใน 2 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม และทำแอสซิสต์สุดสวยได้ในเกมที่เอาชนะยูเครน 3-2

เควิน เดอ บรอยน์

เพล์เมคเกอร์ของเรายิง 1 ประตู, ทำแอสซิสต์ 2 ครั้ง ช่วยให้เบลเยี่ยมผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ และพ่ายแพ้ให้กับทีมแชมป์ อิตาลี

เดอ บรอยน์ พลาดการลงสนามนัดแรกเนื่องจากอาการบาดเจ็บใบหน้า สืบเนื่องมาจากเกมนัดชิงแชมป์เปี้ยนส์ลีกกับเชลซี

แต่เขากลับมาลงสนามได้ในเกมนัดที่ 2, ลงสนามมาในครึ่งเวลาหลัง ทำ 1 แอสซิสต์ และ 1 ประตู และช่วยให้ทีมมีชัยชนะเหนือเดนมาร์ก

ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 เขาทำแอสซิสต์ให้กับลูกากูยิงประตูปิดกล่องเอาชนะฟินแลนด์, ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บข้อเท้าในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับโปรตุเกส

ถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาลงเล่นได้ในเกมรอบ 8 ทีมกับอิตาลี แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เบลเยี่ยมยุค “โกลเด้น เจเนเรชั่น” ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศต่อไปได้

รูเบน ดิอาส

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟรายนี้ลงเล่นทุกนาที ช่วยให้โปรตุเกสผ่านเข้ารอบจาก ‘กรุ๊ป ออฟ เดธ’ ก่อนที่จะมาแพ้เบลเยี่ยมในรอบ 16 ทีม

ดิอาสลงเล่นในเกมนัดแรก ช่วยโปรตุเกสเก็บคลีนชีทในเกมกับฮังการี, และทำเข้าประตูตัวเองในเกมกับเยอรมนี

แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขามีสถิติการผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม โดยเป็นผู้เล่นที่ผ่านบอลสำเร็จมากที่สุดในทีมโปรตุเกส, 304 ครั้ง

ฟิล โฟเด้น

มันเป็นจุดจบที่น่าเจ็บปวดสำหรับทัวร์นาเมนต์ของโฟเด้น ด้วยความผิดหวังจากการพ่ายแพ้ของอังกฤษ ประกอบกับความจริงที่ว่าเขาพลาดการลงเล่นเกมนี้ด้วยอาการบาดเจ็บที่เท้า

ทัวร์นาเมนต์ของเขาเริ่มต้นอย่างสดใส ด้วยผลงานที่น่าประทับใจในการชนะโครเอเชีย 1-0, ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมกับสกอตแลนด์

เขานั่งสำรองในเกมนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มกับสาธารณรัฐ เช็ก, และนั่งสำรองไม่ได้ถูกใช้งานในเกมรอบ 16 ทีมกับเยอรมนี

เขาไม่ได้ลงเล่นอีกครั้งในเกมรอบ 8 ทีมกับยูเครน, และได้ลงเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษกับเดนมาร์ก โดยในเกมนั้นเอง ที่เราได้เห็นภาพของเขาฉลองแบบสุดเหวี่ยง หลังจากแฮร์รี่ เคน ยิงประตูชัย

น่าเสียดายเขาต้องปิดฉากทัวร์นาเมนต์ด้วยอาการบาดเจ็บ

อิลคาย กุนโดกัน

มิดฟิดล์เจ้าของฉายา ‘มิสเตอร์วิปปี้’ ลงเล่นทุกนัดในเกมรอบแบ่งกลุ่ม ช่วยให้เยอรมนีผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ในกลุ่ม F, เขาเป็นตัวสำรอง และไม่ได้ถูกใช้งานในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับอังกฤษ ที่เวมบลีย์

เขาลงเล่น 90 นาทีในเกมนัดเปิดสนาม ที่แพ้ต่อทีมชาติฝรั่งเศส, ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามช่วงครึ่งเวลาหลังในเกมที่เอาชนะโปรตุเกส 4-2 และลงเล่นในเกมสุดดราม่ากับฮังการี ที่เสมอกัน 2 ประตูต่อ 2

อายเมริค ลาปอร์กต์

แข้งวัย 27 ปีลงเล่นทุกนาทีกับทีมชาติสเปน ถึงแม้ว่าจะมาไกลได้แค่รอบรองชนะเลิศ แต่เขาเป็นนักเตะที่มีสถิติผ่านบอลมากที่สุดในทีม

เขาโอนสัญชาติย้ายจากฝรั่งเศสก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้นขึ้น, ลาปอร์กต์เข้ามาเป็นกำลังหลักให้กับทัพกระทิงดุทันที

เขายิงประตูแรกในนามทีมชาติสเปนได้ในเกมที่เอาชนะสโลวาเกีย 5-0

ในรอบก่อนรองชนะเลิศ, ความผิดพลาดและไม่เข้าใจกันระหว่างตัวเขาและคู่หูเปา ตอร์เรส ส่งผลให้เซอร์ดาน ชากิรี่ยิงประตูตีเสมอให้กับสวิตเซอร์แลนด์

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะมาได้ในการยิงจุดโทษ, แต่สุดท้ายพวกเขาต้องมาพ่ายให้กับทีมแชมป์อิตาลีในรอบรองชนะเลิศจากการยิงจุดโทษเช่นเดียวกัน

โรดริโก้

หลังจากลงเล่นออกสตาร์ทเป็นตัวจริงใน 2 เกมแรก, โรดริโก้บทบาทน้อยลงเมื่อเซอร์กิโอ้ บุสเกสต์ กลับมาฟิตพร้อมลงสนาม

อย่างไรก็ตาม, เขาถูกเปลี่ยนตัวลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมรอบ 16 ทีมกับโครเอเชีย

ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย เขาถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วงต่อเวลาพิเศษ และเกมต้องยืดเยื้อไปถึงการดวลจุดโทษ - ถึงแม้จะยิงจุดโทษพลาด แต่สเปนก็สามารถเอาชนะสวิตเซอร์แลนด์ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

แบร์นาร์โด้ ซิลวา

แบร์นาร์โด้ ซิลวา ลงเล่นทุกเกมกับทีมชาติโปรตุเกส, แต่ถูกเปลี่ยนตัวในครึ่งเวลาหลังทุกเกมเช่นเดียกวัน

เขามีฤดูกาลที่ดีกับสโมสร ยิงไป 5 ประตู และ 9 แอสซิสต์ตลอดฤดูกาล 2020/21, แต่น่าเสียดายเขาต้องจบทัวร์นาเมนต์โดยไม่สามารถทำประตู และแอสซิสต์ได้

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

ผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษ

มีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่าเขาจะได้ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงหรือไม่, แต่เขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม, ยิง 3 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์

สเตอร์ลิ่งยิงประตูชัยในเกมแรกกับโครเอเชียและเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มกับสาธารณรัฐ เช็ก, เขายังเป็นคนยิงประตูแรกในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับเยอรมนี

ดาวเตะวัย 26 ปียังมีส่วนสำคัญในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศกับยูเครน, และช่วยเรียกจุดโทษในเกมกับเดนมาร์ก ก่อนที่แฮร์รี่ เคนจะยิงประตูชัยเข้าไป

จอห์น สโตนส์

สโตนส์โดดเด่นกับซิตี้ในฤดูกาล 2020/21 และฟอร์มดีต่อเนื่องไปสู่ทีมชาติ

เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกเกมให้กับอังกฤษ, เสียแค่ 2 ประตู และสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นทีมแรกที่ลงเล่น 5 เกมแรกของศึกยูโรโดยไม่เสียประตูแม้แต่ประตูเดียว

มากไปกว่านั้น เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจากเมืองบาร์นสลีย์ เป็นนักเตะอังกฤษที่มีสถิติการผ่านบอลสำเร็จมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้

เฟร์ราน ตอร์เรส

หลังจากที่ได้ประเดิมสนามเมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว ตอร์เรสเริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับทีมชาติชุดใหญ่ได้อย่างน่าประทับใจ โดยยิงได้ 6 ประตูจาก 10 เกมแรกของเขากับทีมชาติสเปน

ปีกซ้ายของซิตี้สร้างผลงานเป็นที่น่าจดจำหลายต่อหลายครั้ง ช่วยให้สเปนมาถึงรอบรองชนะเลิศ

ดาวเตะวัย 21 ปีลงเล่นในทุกเกมให้กับทีมของหลุยส์ เอ็นริเก้,  ไฮไลท์อยู่ที่การลงมาทำประตูจากสัมผัสแรก ในเกมที่สเปนเอาชนะสโลวาเกีย 5-0

เขาทำประตูได้อีกครั้งในรอบ 16 ทีมกับโครเอเชีย จากการเปิดบอลยาวสุดแม่นยำของเปา ตอร์เรส เข้าไปดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูและยิงเข้าไปอย่างเยือกเย็น

ไคล์ วอล์คเกอร์

เช่นเดียวกับสโตนส์, วอล์คเกอร์เป็นส่วนสำคัญของแนวรับของทีมชาติอังกฤษ โดยเล่นทั้งในตำแหน่งฟูลแบ็ค และเซ็นเตอร์แบ็คด้านขวา ในเกมที่ใช้แนวรับสามคน

เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมกับสกอตแลนด์ - แต่นอกจากเกมนั้น เขาลงเล่นเป็นตัวจริงทุกเกมในทัวร์นาเมนต์ และทำสถิติแย่งบอลคืนสำเร็จมากที่สุดในทัพสิงโตคำราม

ในเกมกับเดนมาร์ก ดาวเตะวัย 31 ปีได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก ในการที่ต้องรับมือการเกมสวนกลับ, ขณะที่ในรอบชิงชนะเลิศ เขาวิ่งดึงตัวประกบออกจากคีแรน ทริปเปียร์ ก่อนที่แบ็คขวาจากสเปอร์สจะเปิดบอลไปให้กับลุค ชอว์จบสกอร์

โอเล็คซานเดอร์ ซินเชนโก้

ฟูลแบ็คจากซิตี้ลงเล่นทุกนาทีกับทีมชาติยูเครน - ซึ่งต้องจบลงด้วยความพ่ายแพ้ต่ออังกฤษ 4-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ

อังเดร เชฟเชนโก้จับเขาลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์, และสามารถยิงประตูได้ในเกมกับสวีเดน

ซินเชนโก้ยิงประตูเบิกร่อง และฉลองอย่างดุเดือด, จากนั้นสามารถทำแอสซิสต์ได้ในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ ช่วยให้ยูเครนได้ไปต่อในรอบ 8 ทีมสุดท้าย