แบร์นาร์โด้ฮีโร่! ซิตี้บุกเชือดเลสเตอร์ 1-0

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงยึดขุนพล “เรือใบสีฟ้า” ชุดเดิมที่ชนะมาสองนัดติด นำโดย แจ็ค กรีลิช จอมทัพทีมชาติอังกฤษ ที่ลงเล่นพรีเมียร์ลีกเป็นนัดที่ 100 ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ และ ฟิล โฟเด้น เพิ่งหายเจ็บ กลับมามีชื่อเป็นสำรอง

เริ่มเกมมาในนาทีที่ 6 แบร์นาร์โด้ ได้บอลขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนเปิดเข้ามาให้ กาเบรียล เฆซุส ได้จังหวะโหม่งเต็มๆ แต่บอลไปตรงตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ปัดออกมาได้ ก่อนบอลมาเข้าทาง เฟร์ราน ตอร์เรส พยายามหาช่องยิงแต่ไปติดกองหลังเจ้าถิ่น 

ต่อมาในนาทีที่ 19 แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้บอลก่อนเลี้ยงหลบกองหลังเจ้าถิ่นมาหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนยิงด้วยซ้ายบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่ยังเป็น แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ที่ปัดออกไปได้ด้วยปลายมือ นาทีที่ 22 “เรือใบสีฟ้า” ได้ฟรีคิกก่อนเป็น อิลคาย กุนโดกัน ที่เล่นลูกสูตร ไหล่บอลข้ามฝั่งมามาให้ แจ็ค กรีลิช ได้จังหวะยิงโล่งๆ จากหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไป 

ถัดมาในนาทีที่ 28 เฟร์ราน ตอร์เรส ได้โอกาสครองบอลแถวหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนมีจังหวะได้ยิงบอลพุ่งเข้ากรอบแต่ยังไปตรงตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล รับเอาไว้ได้ 

ช่วงเวลาที่เหลือหลังจากนั้น ยังไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูออกนำได้ หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก เลสเตอร์ ซิตี้ เสมอ แมนฯ ซิตี้ 0-0 

เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 47 ติโมธี คาสตาญ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนเปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษแล้วเป็น ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ที่ได้จังหวะโหม่งเต็มๆ แต่บอลไปชนคานก่อนออกหลังไป 

หลังจากนั้นอีก 1 นาที วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ตัดบอลได้ตรงกลางสนามก่อนจ่ายบอลทะลุช่องให้ เจมี่ วาร์ดี้ ได้บอลหลุดเดี่ยว ก่อนแตะหลบ เอแดร์ซอน แล้วยิงโล่งๆ เข้าไป แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้า ก่อนที่ วีเออาร์จะเช็ก และยืนยันเป็นจังหวะล้ำหน้าของ เจมี่ วาร์ดี้ 

เกมดำเนินถึงนาทีที่ 62 แจ็ค กรีลิช ได้บอลแถวหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจ่ายมาให้ ชูเอา กานเซโล่ ได้โอกาสยิงไกลบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่ไปติด แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ปัดออกมาเข้าทาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้จังหวะยิงซ้ำ ส่งบอลเข้าประตูไป ช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ ออกนำ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0

หลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่สามารถทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขัน แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ส่งผลให้ “เรือใบสีฟ้า” คว้าชัย 3 นัดติด เก็บเพิ่มเป็น 9 คะแนน ขยับรั้งรองจ่าฝูง ขณะที่ เจ้าถิ่น มี 6 คะแนน อยู่ที่ 10

เป๊ป กวาดิโอล่า: ประสิทธิที่ยอดเยี่ยม

“มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมหลังจากพักเบรกทีมชาติ คุณมักจะกังวลอยู่เสมอ แต่สภาพจิตใจของนักเตะตั้งแต่นาทีแรกจนจบเกมนั้นยอดเยี่ยมมาก”

“เราเล่นได้ดี โชคไม่ดีที่เราไม่สามารถทำประตูได้มากกว่านี้ แต่เราแข็งแกร่งขึ้น”

Man of the Match: แบร์นาร์โด้ ซิลวา

การโชว์ฟอร์มที่น่าประทับใจเป็นครั้งที่สามแล้ว ของเพลย์เมคเกอร์เลือดโปรตุกีส ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของซิตี้ในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของฤดูกาล

วันนี้เขาเล่นเกมรุกและโจมตีที่ฉลาดที่สุด ทำให้ทัพจิ้งจอกสยามมีปัญหามากมายทั้งการส่งบอลและการวิ่งป่วนเกมของเขา

หมายความว่าอย่างไร

ซิตี้ขยับขึ้นไปเป็นอันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก ตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งแต้ม แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงได้หากลิเวอร์พูลและเอฟเวอร์ตันชนะทั้งคู่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

โปรแกรมถัดไป

แคมเปญแชมเปี้ยนส์ลีกของซิตี้ จะเริ่มต้นในบ้านกับ อาร์เบ ไลฟ์ซิก ในวันพุธที่ 15 กันยายน โดยเริ่มเตะกันในเวลา 02.00 น. (เวลาประเทศไทย)

เราจะเฝ้าบ้านเจอกับเซาแธมป์ตันในเกมพรีเมียร์ลีกนัดต่อไป โดยทัพนักบุญจะไปเยือนเอติฮัด สเตเดียมในวันเสาร์ที่ 18 กันยายน

ไลน์-อัพ

แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน - ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, อายเมริค ลาปอร์กต์, ชูเอา กานเซโล่ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, โรดรี เอร์นานเดซ, อิลคาย กุนโดกัน - กาเบรียล เชซุส (แฟร์นันดินโญ่ น.85), เฟร์ราน ตอร์เรส (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น.64), แจ็ค กรีลิช  

สำรอง: คาร์สัน, สโตนส์, อาเก้, ซินเชนโก้, เดอ บรอยน์, มาห์เรซ, โฟเด้น

เลสเตอร์ ซิตี้ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - ติโมธี คาสตาญ,ยานนิค เวสเตอร์การ์ (จอนนี่ อีแวนส์ น.61), ซากลาร์ โซยุนชู, ไรอัน เบอร์ทรานด์ - มาร์ค อัลไบรท์ตัน, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ยูริ ตีเลมันส์, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ (อเดโมลา ลุคแมน น.74)- เจมส์ แมดดิสัน (เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ น.75)- เจมี่ วาร์ดี้  

สำรอง: วอร์ด, อมาร์ตี้ย์, ริคาร์โด้, ซูมาเร่, ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์, ดาก้า