เดอ บรอยน์ - มาห์เรซ ซัดเบิ้ล พาซิตี้ถล่มเซาท์ฯสุดมันส์ 5-2

เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันพุธที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา จ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านรับมือ เซาธ์แฮมป์ตัน โดยฟอร์มล่าสุดนั้น “เรือใบสีฟ้า” เพิ่งสะดุดแพ้คาบ้านให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 หยุดสถิติชนะรวดทุกรายการไว้ที่ 21 นัดติดต่อกัน ส่วน “นักบุญ” บุกไปเอาชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 

เกิดอะไรขึ้นบ้าง?

 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ปรับทัพบางตำแหน่งจากล่าสุด ฟิล โฟเด้น และแบร์นาร์โด้ ซิลวา กลับมาสตาร์ทตัวจริง ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิง และกาเบรียล เชซุส เป็นแค่สำรองข้างสนาม

เปิดฉากครึ่งแรก โอกาสหนแรกของ “เรือใบสีฟ้า” แม้จะรอนานถึงนาทีที่ 15 แต่ก็มาพังประตูขึ้นนำ “นักบุญ” 1-0 ทันที จากจังหวะที่ รูเบน ดิอาส วางบอลตัดแบ็กให้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ หลุดเข้าไปก่อนจะหักบอลเร็วมาหน้าประตูให้ ฟิล โฟเด้น ซัดด้วยซ้ายไปติดเซฟ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ ก่อนที่ เควิน เดอ บรอยน์ จะตามซ้ำเสยใต้คานไม่ถึง 5 หลาเข้าไปเป็นประตูที่ 4 ในซีซั่นนี้ของห้องเครื่องชาวเบลเยียม

นาที 23 เซาธ์แฮมป์ตัน เกือบได้ลุ้นตีเสมอหลัง โมฮาเหม็ด ซาลิซู แทงบอลให้ เนธาน เร้ดมอนด์ พาบอลเข้าไปในเขตโทษก่อนจะปั่นด้วยขวาบอลแต่ยังไม่ผ่านมือ เอแดร์ซอนที่ปัดออกไป

ทว่าอีกไม่ถึงนาทีต่อเนื่องจากลูกเตะมุม เจมส์ วอร์ด-เพราส์ เปิดมาให้ แยน เบ็ดนาเร็ก โขกไปติดเซฟ ก่อนบอลกระดอนมาเข้าทางพยายามจะตามซ้ำแต่โดน เอมเมอริคลาป๊อร์กต์ ดึงเอาไว้ผู้ตัดสินที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เป่าเป็นจุดโทษทันที และเป็น เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ซัดกลางประตูเข้าไปไม่พลาดให้ “นักบุญ” ไล่ตีเสมอ 1-1 ในนาที 25

ข้ามมาในนาทีที่ 40 “นักบุญ” ต้องมาเสียเม็ดที่สองให้เจ้าถิ่นแซงขึ้นนำอีกครั้ง จากความผิดพลาดของแนวรับที่จ่ายบอลกันพลาดโดน ริยาด มาห์เรซ แย่งบอลได้ก่อนตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยซ้ายข้างถนัดกว่า 20 หลาส่งบอลเบียดเสาซุกก้นตาข่ายเข้าไปชนิดที่ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ หมดสิทธิ์ป้องกันให้ แมนฯซิตี้ ขึ้นนำ 2-1 อีกครั้ง

ช่วงทดเจ็บ นาที 45+3 แมนฯซิตี้ มานำห่างเป็น 3-1 จากการเข้าทำอันยอดเยี่ยม เดอ บรอยน์ หยุดบอลให้ ริยาด มาห์เรซ เลี้ยงจี้เข้าไปในกรอบแล้วซัดผ่านมือ แม็คคาร์ธี่ไปแล้วแต่บอลพุ่งไปชนเสา ทว่ายังมาเข้าทาง อิลคาย กุนโดกัน ตามซ้ำเข้าไปไม่เหลือ เป็นประตูที่ 12 ในลีกของกุนโดกันในฤดูกาลนี้ขึ้นนำดาวซัลโวของทีม

จบครึ่งแรก แมนฯซิตี้ นำห่าง เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1

เริ่มครึ่งเวลาหลัง แมนฯซิตี้ ก็มาได้ประตูที่สี่ขึ้นนำ ในนาที 55 จากจังหวะที่ ฟิล โฟเด้น ผ่านบอลมาในกรอบให้ ริยาด มาห์เรซ แต่งบอลหลบก่อนตะบันด้วยซ้ายผ่านมือนายด่านนักบุญเข้าไปไม่เหลือให้ “เรือใบสีฟ้า” นำห่าง 4-1 และเป็นประตูที่สองของปีกแอลจีเรียในเกมนี้อีกด้วย

แต่อีกนาทีถัดมา เซาธ์แฮมป์ตัน มาฮึดไล่ยิงคืนมาเป็น 2-4 จากจังหวะที่ สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง ปั่นไปแฉลบขา ลาป๊อร์กต์ ก่อนมาเข้าทางปืน เช อดัมส์ หลุดเข้าไปซัดผ่านมือเอแอร์ซอน เข้าไป

เจ้าบ้านไม่รอช้าหลังเสียเม็ดที่สองไป แค่นาที 59 มาพังประตูนำโด่งเป็น 5-2 ทันที บอลขึ้นทางขวา ไคล์ วอล์คเกอร์ จ่ายยัดเข้ากลางมาให้ ฟิล โฟเด้น แตะบอลสั้นให้ เควินเดอ บรอยน์ วิ่งมาเอาบอลแล้วแหวกแนวรับนักบุญก่อนเข้าไปซัดเลียดเสาแรกหนีมือ แม็คคาร์ธี่ เข้าไปเป็นเม็ดที่สองของ เดอ บรอยน์ ในเกมนี้เช่นกัน

นาที 72 ซิตี้หวิดได้เม็ดที่ 6 นำห่าง คราวนี้ อิลคาย กุนโดกัน ดีดบอลใกล้ๆให้ ฟิล โฟเด้น ซัดด้วยซ้ายพุ่งถากเสาออกไปแบบได้เสียว ถัดมาในนาที 78 เจ้าบ้านทิ้งโอกาสทองอีก หลัง แฟร์นานดินโญ่ แย่งบอลจาก ซาลิซู ได้บอลมาเข้าทาง เฟร์ราน ตอร์เรซ ได้ยิงในกรอบแต่ซัดถากเสาไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงท้ายเกมไม่มีสกอร์เพิ่มเติม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คืนฟอร์มคว้าชัยอีกครั้งหลังไล่ถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน แบบสนุก 5-2 เก็บสามแต้มพร้อมนำจ่าฝูงต่อไปมี 68 คะแนนทิ้งอันดับ 2 แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 14 คะแนน ส่วน “นักบุญ” อยู่ที่ 14 มีอยู่แค่ 33 คะแนน มากกว่าโซนตกชั้นแค่ 7 คะแนน

WATCH: Guardiola: ‘Now we are in the important part of the season’

หมายความว่าอย่างไร

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมานำ 14 แต้ม โดยมีแข่งมากกว่า 1 นัด

โปรแกรมถัดไป

แมนฯซิตี้ จะบุกไปเยือนฟูแล่ม ที่คราเวน ค็อตเทจ ในวันเสาร์นี้ เวลา 03.00 น.

ฮีโร่: มาห์เรซ

2 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าชั่วโมงเขาฮ๊อตสุด ๆ

หลังเกมจากเป๊ป

“ พวกเขาดีกว่าเราใน 25 นาทีแรก เราชนะเพราะคุณภาพของริยาด,เควินและฟิล”

“ จุดโทษ (การตัดสิน) นั้นเหลือเชื่อมาก ผมไม่เข้าใจ บางทีวันหนึ่งพวกเขาควรจะอธิบายกฎทั้งหมดของ VAR “

“ หวังว่าวันหนึ่งพวกเขาจะอธิบายได้ว่า ทำไมนั่นถึงเป็นจุดโทษและอีกกรณีหนึ่งไม่ได้จุดโทษ ถ้ากรรมการอย่างจอนมองไม่เห็น แล้ว VAR ก็ไม่เห็นด้วยงั้นหรือ...”

“ ตลอดช่วงเวลาของผมที่นี่ ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ผู้ตัดสิน ผมแค่อยากให้มันชัดเจนมากขึ้น”

“ เราชนะ 5-2 แต่ถ้าแพ้ 2-5 ผมไม่รู้จะพูดยังไงเลย มันอาจดูเหมือนเป็นการแก้ตัว แต่บางครั้งเราขอแค่ให้ข้อโต้แย้งในสิ่งที่เราเห็น”

“ ขอชมเชยผู้เล่นของผมเป็นอย่างมาก แต่จุดโทษนั้นมันเหลือเชื่อมาก”

ไลน์-อัพ

แมนฯซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์, อายเมริค ลาปอร์กต์ , รูเบน ดิอาส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ (เบนจามิน เมนดี้ น.81) - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, แฟร์นันดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน - ริยาด มาห์เรซ (เฟร์ราน ตอร์เรส น.61), เควิน เดอ บรอยน์ (เซอร์กิโอ อเกวโร่ น.72), ฟิล โฟเด้น

สำรอง: สเตฟเฟ่น, สโตนส์, สเตอร์ลิ่ง, เฆซุส, โรดริโก้, กันเซโล่

เซาธ์แฮมป์ตัน : อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ - ไรอัน เบอร์ทรานด์, แยน เบ็ดนาเร็ก, แจ็ค สตีเฟ่นส์ (อิบราฮิม่า ดิยัลโล่ น.63), แยนนิค เวสเตอร์การ์ด, โมฮาเหม็ด ซาลิซู -มูสซ่า เฌเนโป (นาธาน เตลล่า น.46), สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง (คาเล็บ วัตต์ น.72), เจมส์ วอร์ด-เพราส์, เนธาน เร้ดมอนด์ - เช อดัมส์ 

สำรอง: ฟอร์สเตอร์, วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, มินามิโนะ, แรมเซย์, เอ็นลุนดูลู่, เฟอร์รี่