มิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชีย, มัตเตโอ โควาซิซคือนักเตะใหม่คนแรกในซัมเมอร์นี้ของซิตี้

ดาวเตะวัย 29 ปีย้ายจากทีมคู่แข่งของเราในพรีเมียร์ลีกอย่างเชลซี มาร่วมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพื่อสู้ศึกฤดูกาล 2023/24

และนี่คือ 10 สิ่งที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับตัวเขา...

พื้นเพ

โควาซิซเกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ในเมือง Linz ประเทศออสเตรีย, โดยมีคุณพ่อและคุณแม่เป็นชาวบอสเนียนโครแอต 

เริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลกับทีม Linzer ASK ในเมือง Linz, เขามีฝีเท้าที่โดดเด่นเกินกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันจนไปเข้าตาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปมากมาย ได้ บาเยิร์น มิวนิค, ยูเวนตุส, อินเตอร์, อาแจ็กซ์ และสตุ๊ตการ์ด ในตอนที่อายุได้เพียง 12 ปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม, ครอบครัวโควาซิซตัดสินใจย้ายกลับไปยังซาเกร็บ เมืองหลวงของโครเอเชียในปี 2007, และเมื่อมาเตโออายุได้ 13 ปี เขาก็ได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสรดินาโม ซาเกร็บ

จุดเริ่มต้น

โควาซิชได้รับบาดเจ็บขาหักในปี 2009 แต่เขาสามารถกลับมาได้หลังจากพักรักษาตัวเป็นเวลานาน และยังคงสร้างผลงานอันน่าประทับใจในอะคาเดมีของซาเกร็บ มีส่วนช่วยให้ทีม U-17 ปี และ U-19 ปีคว้าแชมป์ตามลำดับ

จากนั้นเขาได้โอกาสลงประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน 2010 ในการแข่งขันฟุตบอลลีกโครเอเชียนัดที่ทีมออกไปเยือน Hrvatski Dragovoljac

BUY YOUR KOVACIC #8 SHIRT NOW

โควาซิชวัย 16 ปีสร้างผลกระทบให้กับทีมได้ในทันที โดยเขาทำประตูที่ 4 ให้กับดินาโมช่วยให้ทีมเอาชนะ 6 ประตูต่อ 0, และด้วยวัยเพียง 16 ปี 198 วัน ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูได้ในลีกโครเอเชีย, ทำลายสถิติที่ Dino Špehar ทำไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

“การได้ติดทีมดินาโมตอนอายุ 16 ปี คุณรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องเก่งมาก ทุก ๆ คนในสโมสรรู้ดีว่าเขามีบางอย่างที่พิเศษ” เพื่อนร่วมทีม Jakub Sylvstr กล่าว

ฉายแววเด่น

หลังจากลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ไป 7 นัดในฤดูกาล 2010/11, ฤดูกาลต่อมา เขาได้ขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมอย่างเต็มตัว โดยลงเล่นไป 32 นัดพร้อมกับช่วยให้ทีมคว้าแชมป์โครเอเชียเป็นฤดูกาลที่ 7 ติดต่อกัน โดยโควาซิชยังเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่สวมปลอกแขนกัปตันทีม, ในเกมที่พบกับ NK Lucko

โควาซิซสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง เขาใส่ชื่อตัวเองลงบนสกอร์บอร์ดในนัดชิงฯ ฟุตบอลถ้วย, และได้รับรางวัล  “ผู้เล่นความหวังใหม่แห่งปี” ของโครเอเชีย ในเดือนธันวาคม 2011 อีกด้วย

นอกเหนือจากนั้น, เขาสร้างสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่ยิงประตูได้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จากลูกยิงใส่ลียง, ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี 215 วัน เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2011

INTER CALLING

หลังจากมีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับอนาคตของเขา โควาซิชได้ย้ายไปอินเตอร์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2013, โดยเข้าร่วมสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเมืองมิลานด้วยค่าตัว 14 ล้านยูโร และได้รับเสื้อหมายเลข 10 ต่อจากเวสลีย์ สไนจ์เดอร์

แม้ว่ามันจะเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังของอินเตอร์, แต่โควาซิชยังได้รับรางวัล Gentleman Revelation of the Year จากการโหวตของแฟน ๆ อินเตอร์, ที่มอบให้กับนักเตะน่าจับตามองมากที่สุดของสโมสรในแต่ละปี

ฉายา

โควาซิชได้รับฉายาว่า “ศาสตราจารย์แห่งฟุตบอล” จากนิโก้ ครานชาร์ เพื่อนร่วมทีมชาติโครเอเชียของเขาในปี 2013 หลังจากที่เขาประเดิมสนามกับทีมชาติชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 18 ปี, และช่วยให้โครเอเชียเอาชนะคู่แข่งอย่างเซอร์เบีย 2-0 ในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก

ในทศวรรษต่อมา โควาซิชพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคู่ควรกับสมญานามนั้นอย่างแท้จริง, ด้วยแนวทางการเล่นที่ชาญฉลาด และยืดหยุ่นในการยืนตำแหน่ง, เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งยุคของวงการฟุตบอลโครเอเชีย รวมไปถึงวงการฟุตบอลยุโรป

Madrid medallion man

ฝีเท้าของโควาซิซยังคงพัฒนาต่อเนื่องใน 2 ฤดูกาลหลังจากนั้น, ก่อนที่กฎข้อบังคับทางการเงินจะทำให้อินเตอร์จำใจต้องขายเขาให้กับเรอัล มาดริดในปี 2015

ตลอด 3 ฤดูกาลในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบว โควาซิชลงเล่นให้เรอัล มาดริดมากกว่า 100 นัด และคว้าถ้วยแชมป์มากมาย

ทั้งหมดที่กล่าวมา เขาช่วยให้เรอัล คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2 สมัย, ลาลีกา 1 สมัย และสแปนิช ซูเปอร์ คัพอีก 1 สมัย

London calling

มาเตโอออกเดินทางอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์ปี 2018, โดยย้ายไปเชลซีด้วยสัญญายืมตัว – ก่อนที่จะถูกซื้อขาดในปีต่อมา

ฤดูกาลแรกในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์จบลงด้วยถ้วยรางวัล, โควาซิชมีส่วนช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกด้วยการเอาชนะอาร์เซนอล 4-1 ในรอบชิงชนะเลิศที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เมื่อปี 2019

ผลงานที่น่าประทับใจของโควาซิชที่เชลซีทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้เล่นแห่งปีของสโมสรในเดือนกรกฎาคม 2020 ก่อนที่ฤดูกาลถัดมาจบลงด้วยการที่เขาคว้าเหรียญแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 4 ให้กับตัวเอง ในเกมที่เฉือนเอาชนะซิตี้ 1-0 ที่เมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส

ตามมาด้วยความสำเร็จในฟุตบอลถ้วยยูฟ่าซูเปอร์คัพปี 2021 และฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพปี 2021

พูดหลายภาษา

อาชีพค้าแข้งของโควาซิชนั้นประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในโครเอเชีย, อิตาลี, สเปน และอังกฤษ

โดยนอกจากภาษาโครเอเชียของเขาแล้ว โควาซิชยังสามารถพูดภาษาอื่น ๆ ได้ อีก 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ เยอรมัน อิตาลี และสเปน ซึ่งเป็นแง่มุมที่ช่วยให้ปรับตัวเข้ากับลีกชั้นนำต่าง ๆ ของยุโรปได้อย่างราบรื่น

แฟมิลี่แมน

โควาซิชแต่งงานกับ อิซาเบล อันดริยานิช แฟนสาวของเขาในปี 2017, โดยทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่โบสถ์เมื่อ 10 ปีก่อน

โควาซิชนับถือศาสนาคริสต์คาทอลิก และมักจะไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์

ต่อมา, มาเตโอและอิซาเบลมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อว่าอิวาน, โดยมีลูก้า โมดริชอดีตเพื่อนร่วมทีมเรอัล มาดริดและเพื่อนร่วมทีมชาติโครเอเชียเป็นพ่อทูนหัวของเจ้าตัวน้อย

เหรียญอันทรงเกียรติ

ในปี 2018, โควาซิซและเพื่อนร่วมทีมชาติโครเอเชียได้รับเหรียญ Order of Duke Branimir, ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญรางวัลอันทรงเกียรติมากที่สุดเหรียญหนึ่งในประเทศโครเอเชีย, โดยจะมอบให้กับบุคคลที่สร้างชื่อเสียงและสร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ

โควาซิซและเพื่อน ๆ ร่วมทีมชาติโครเอเชียได้รับมอบเหรียญรางวัลดังกล่าวจากผลงานอันโดดเด่นในฟุตบอลโลก 2018, ที่พวกเขาสามารถพาทีมชาติโครแอตทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ในทัวร์นาเมนท์นั้น ถึงแม้จะพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศส 4-2 ในนัดชิงฯ ที่มอสโควก็ตาม