ไม่พลาด! ซิตี้บุกสอยสวอนซี 3-1 ฉลุยรอบก่อนรองฯ เอฟเอ คัพ

ไคล์ วอล์คเกอร์ เบิกสกอร์แรก ก่อนจะรัวอีกสองประตูในครึ่งหลัง จากราฮีม สเตอร์ลิ่ง และกาเบรียล เฆซุส ส่งผลให้ตอนนี้ แมนฯซิตี้ ชนะติดต่อกันรวมทุกรายการ 15 รวดไปแล้ว

เกิดอะไรขึ้นบ้าง?

เขี่ยบอลมาได้แค่ 2 นาทีแรก “เรือใบสีฟ้า” ได้ทักทายก่อนเลยหลัง กาเบรียล เชซุส ลากตัดเข้ามาหน้ากรอบแล้วอัดด้วยขวาบอลพุ่งแรงจน เฟร็ดดี้ วู้ดแมน นายด่านของหงส์ขาวต้องทุบบอลทิ้งไป 
    
แมนฯซิตี้ ครองเกมรุกชนิดที่พับสนามบุกเข้าใส่เจ้าถิ่น นาที 14 แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ ครอสบอลมาเสาแรก กาเบรียล เชซุส โฉบมาซัดด้วยขวาบอลพุ่งเข้าข้างหน้าต่าง

อีกสองนาทีถัดมา ซิตี้ ได้เตะมุม อิลคาย กุนโดกัน เปิดยาวไปเสาไกล คราวนี้เป็น อายเมริค ลาปอร์กต์ เทกตัวโขกย้อนไปเสาแรกแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว

เข้าสู่นาที 19 โรดรี้เล่นกับ กุนโดกัน หน้าปากประตูหงส์ขาว ก่อนที่โรดรี้จะแต่งบอลโขกต่อให้ เฟร์ราน ตอร์เรส วิ่งมายิงแบบไม่ถนัดบอลพุ่งเบาไปเข้ามือ วู้ดแมน

ถัดมานาที 23 กาเบรียล เชซุส แทงบอลให้ เฟร์ราน ตอร์เรส ในกรอบก่อนที่ปีกชาวสแปนิชจะซัดด้วยขวาไปทางเสาไกล แต่ยังไปติดปลายนิ้วของนายด่านสวอนซีปัดหลุดกรอบหวุดหวิด

อีก 3 นาทีถัดมา จนแล้วจนรอด “เรือใบสีฟ้า” มาพังประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ บอลจาก โรดรี้ ตรงกลางป้ายออกขวาให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ครอสเข้าไปในกรอบ 6 หลาให้ เฟร์ราน ตอร์เรส โฉบมาล้มตัวยิงแต่ไม่โดน บอลผ่าน เฟร็ดดี้ วู้ดแมน เข้าประตูไป เป็นเครดิตการพังประตูของ ไคล์ วอล์คเกอร์

นาที 32 เป็นโอกาสเข้าทำหนแรกของ สวอนซี บอลขึ้นมาทางทางขวาถึง คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ ครอสบอลมาเสาแรกให้ เจย์ ฟูลตัน เทกตัวขึ้นโขกเต็มหัวแต่กดไม่ลงบอลเหินคานออกไป

นาที 40 โอกาสของ “หงส์ขาว” มาอีกครั้ง ยาน ดานด้า แทงบอลให้ จามาล โลว์ หลุดเข้าไปซัดติดบล็อค เอริค การ์เซีย และจากจังหวะเตะมุมต่อเนื่อง ดานด้า เปิดมาในกรอบไม่ถึง 6 หลาให้ มาร์ค เกอี เซ็นเตอร์แบ็กเจ้าถิ่นโขกหลุดเสาออกไป

จบครึ่งแรก สวอนซี ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1

ครึ่งหลัง เริ่มมาได้แค่ 2 นาที ลูกทีมของ เป๊ป ทะยานออกนำ 2-0 จากจังหวะที่ โรดรี้ พลิกบอลแล้วแทงทะลุให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปในกรอบแล้วยิงผ่านมือนายด่านเจ้าถิ่นเข้าไป

อีก 3 นาทีถัดมา สกอร์ของทีมเยือนไหลนำห่างเป็น 3-0 อย่างรวดเร็ว จากการเข้าทำอันยอดเยี่ยม เริ่มจาก อิลคาย กุนโดกัน วางยาวไปเสาไกลให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา โขกตั้งเข้ากลางมาให้ กาเบรียล เชซวุส เอาบอลลงอย่างเหนือด้วยการเกี่ยวด้วยขวาแล้วหมุนตัวซัดด้วยซ้ายเข้าไป

ฝั่งเจ้าถิ่น “หงส์ขาว” แก้เกมด้วยการเปลี่ยนทีเดียว 4 คนรวด ขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปลี่ยนเอา สเตอร์ลิง, กุนโดกัน และแบร์นาร์โด้ ซิลวา ไปพักแล้วให้ ริยาด มาห์เรซ, ฟิล โฟเด้น และไอ้หนู โธมัส ดอยล์ ห้องเครื่องวัย 19 ปีลงเล่นแทน

นาที 77 สวอนซี มาพังประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 จากจังหวะครอสบอลของ ไรอัน แมนนิ่ง เข้ามาให้ มอร์แกน วิตเทเกอร์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ซัดด้วยซ้ายส่งบอลเลียดเสียบเสาไกลเข้าไป

ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปถล่มเจ้าบ้าน สวอนซี  3-1 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศต่อไป โดยจะมีการจับสลากประกบคู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายในวันพฤหัสบดีที่ 11 ก.พ.นี้

หมายความว่าอย่างไร…

แมนฯซิตี้ ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย หรือก่องรองชนะเลิศได้สำเร็จ โดยจะรอผลการจับฉลากในวันพรุ่งนี้ โดยเบื้องต้นเกมในรอบดังกล่าว จะเตะกันในสัปดาห์ของวันที่ 20 มีนาคม โดยจะมีการคอนเฟิร์มโปรแกรมแข่งอีกครั้ง

โปรแกรมถัดไป

เรือใบสีฟ้าจะได้กลับไปเฝ้ารัง รอพบสเปอร์ส ในศึกพรีเมียร์ลีก เวลา 00.30 น.

ไลน์-อัพ 

แมนฯ ซิตี้  : แซค สเตฟเฟ่น - ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริค การ์เซีย, อายเมริค ลาปอร์กต์, เบนจามิน เมนดี้ - แบร์นาโด้ ซิลวา (ฟิล โฟเด้น น.66), โรดริโก้ (เคลาดิโอ โกเมส น.72), อิลคาย กุนโดกัน (ทอมมี่ ดอยล์ น.57) - เฟร์ราน ตอร์เรส, กาเบรียล เฆซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง (ริยาด มาห์เรซ น.56)

สำรอง: เอแดร์ซอน, สโตนส์, ซินเชนโก้, กันเซโล่, เบอร์นาเบ้

สวอนซี :เฟร็ดดี้ วู้ดแมน - เบน คาบังโก้, โจเอล ลาติโบดิแยร์, มาร์ค เกฮี (เจ บิดเวลล์ น.66) - คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ (ไคโรน ฟรีแมน น.66), เจย์ ฟูลตัน, แม็ตต์ กริมส์, ไรอัน แมนนิ่ง - ยาน ดานด้า (คอนนอร์ ฮูริเฮน น.77) - จามัล โลว์ (พอล อาร์ริโอล่า น.65), จอร์แดน มอร์ริส (มอร์แกน วิตเทเกอร์ น.66)

สำรอง: เว็บบ์, นอว์ตัน, เบนเน็ตต์, อายิว

สถิติและเหตุการณ์สำคัญ

• แมนฯซิตี้ เอาชนะได้ถึง 19 ใน 22 แมตซ์ ในยุคของเป๊ป กวาดิโอล่า ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่มาถึง และยิงประตูได้มากที่สุดกว่าทีมอื่น ๆ ถึง 68 ประตู
• เป๊ป กวาดิโอล่า ชนะได้เป็นเกมที่ 200 ในการคุมแมนเชสเตอร์ ซิตี้
• ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ทำประตูที่ 12 ในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ และนำโด่งในชาร์ตผู้ทำประตู