“ถ้าถามว่าผมไปดูเกมไหนมาบ้าง ถามว่าผมไม่ได้ไปดูเกมไหนบ้างดีกว่า.. ผมจำเกมที่พลาดได้มากกว่าเกมที่ไปดู” ซันตอบเมื่อถูกถามว่าได้ไปดูซิตี้กี่เกมในฤดูกาล 2021/22 ที่ผ่านมา
'ศุภชัย เจียมเจริญยิ่ง' หรือ 'ซัน' เด็กหนุ่มอายุ 21 ปี จากกทม. เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความหลงใหลในเกมกีฬาฟุตบอลไม่ต่างจากเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ ทั่วไป, ซันติดตามฟุตบอลต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก และมีปัจจัย 2-3 อย่างที่ทำให้ตกหลุมรักแมนเชสเตอร์ ซิตี้
“ผมเริ่มต้นดูฟุตบอลจากทีมชาติอิตาลี เพราะผมเป็นคนชอบสีฟ้า” ซันเล่าให้เราฟัง “ซึ่งตอนนั้นอิตาลีมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เชื่อมโยงกับแมนฯ ซิตี้ ทั้งโรแบร์โต้ มันชินี่, รวมถึงมาริโอ บาโลเตลลี่ ผมชอบเขามาก ๆ เรียกได้ว่ามาริโอคือเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ผมชอบซิตี้”
“อีกสิ่งหนึ่งที่จุดประกาย คือนักเตะจีน ที่ชื่อซุน จีไห่, เขาทำให้ผมหันมาสนใจดูซิตี้ เพราะมีชื่อคล้ายกับผม - ซึ่งถ้าผมเริ่มดูฟุตบอลในตอนนี้ก็คงจะเชียร์สเปอร์สไปแล้ว เพราะชื่อไปคล้ายกับเฮือง มิน ซอน” ซันพูดติดตลก
ถึงแม้ในตอนนั้นเด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มดูฟุตบอลส่วนใหญ่มักจะเลือกทีมที่กำลังอยู่ในช่วงประสบความสำเร็จอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล แต่กับซันนั้นแตกต่าง
“ตอนเด็ก ๆ ผมเคยดูแมนฯ ยูฯ, ดูเชลซี ผมรู้สึกไม่อินกับการดู รู้สึกไม่มีอารมณ์ร่วมเลย”
“แต่พอได้มาดูซิตี้ มันแตกต่างจากทีมอื่น ๆ, ผมชอบสีฟ้า อย่างที่บอกไป, ผมชอบโลโก้ฟอนต์ ETIHAD ชอบโลโก้สโมสร ที่มีเหมือนนกอินทรี, รู้สึกว่าทุกอย่างมันถูกโฉลกกับเรา ก็เลยตามเชียร์มาตั้งแต่ตอนนั้น ถ้าจริง ๆ จัง ๆ เลยก็ประมาณปี 2008-09 ครับ”
ซันเรียนอยู่ในโรงเรียนนานาชาติมาตั้งแต่ยังเด็ก, ซึ่งคุณพ่อของเขามีแผนที่จะส่งให้ลูกชายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ประกอบกับการที่โรงเรียนที่เขาเรียนอยู่นั้นเป็นระบบของอังกฤษอยู่แล้ว, ซันจึงตัดสินใจไม่ยากนักว่าเขาจะไปเรียนต่อที่ประเทศไหน
เมื่อทุกอย่างมันเข้าทาง ซันจึงได้โอกาสไปเรียนต่อที่เมืองหลวงลูกหนัง ในปี 2017
“ตอนแรกผมคิดว่าจะไปเรียนที่แมนเชสเตอร์เลย แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เลยตัดสินใจเลือกลอนดอน ซึ่งมันก็ไม่ไกลกันมาก นั่งรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงแมนเชสเตอร์แล้ว”
“ผมเริ่มไปดูซิตี้ในฤดูกาล 2018/19, เกมแรกที่ผมไปดูจำได้ว่าเป็นเกมกับเวสต์แฮม ที่เอติฮัด ทุกอย่างมันรู้สึกตื้นตันจริง ๆ, เราตามดูมาตั้งแต่เด็ก วันนี้เราได้มาเหยียบสนามจริง ๆ, ผมรู้สึกโชคดีที่ผมมีโอกาสแบบนี้ การได้ดูในสนามกับนั่งดูอยู่ที่บ้านมันคนละเรื่องเลย - ต่อให้บอลแพ้มันก็จะมีโมเมนต์ที่น่าจดจำ”
ในช่วง 1-2 ปีแรกของซันในประเทศอังกฤษ ด้วยการที่เขายังอายุไม่ถึง 18 ปี จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้กฏระเบียบเวลาจำกัดในการเข้า-ออกหอพัก, บวกกับการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในช่างฤดูกาล 2019/20, นั่นจึงทำให้ซันไม่สามารถเดินทางไปดูฟุตบอลได้ตามที่เขาคาดหวังเอาไว้
“ตอนที่ผมไปแรก ๆ ผมอายุยังไม่ถึง 18, จึงต้องรีบกลับหอพักตามเวลาที่กำหนด ไม่สามารถกลับดึกได้ ผมเลยไปดูบอลไม่ได้ตลอดครับ แล้วหลังจากนั้นก็มาเจอกับโควิด ที่ทำให้ฤดูกาลต้องหยุดชะงักไป”
“พอมาฤดูกาล 2020/21 ผมเริ่มรู้จักกับกลุ่มเพื่อนที่ดูบอล จึงได้เริ่มเข้าสนามบอลบ่อยขึ้น, แล้วก็จะตามดูแมนฯ ซิตี้เป็นหลักเลย”
“อย่างเกมเหย้าก็จะใช้เวลานั่งรถไฟ 2 ชั่วโมง จากลอนดอนไปแมนเชสเตอร์ครับ, นอกนั้นก็จะแข่งแถบ ๆ ลอนดอน, ส่วนเกมเยือนที่ไกลที่สุดก็น่าจะเป็นพวกไบร์ทตัน, เซาแธมป์ตัน อะไรแบบนี้”
“แรก ๆ ตอนที่ผมเข้าไปดูก็ยังไม่รู้จักวัฒนธรรมการเชียร์ของเขา ก็นั่งดูไปเฉย ๆ, อย่างเวลาเราไปเจอกับทีมไหน แฟนบอลก็จะมีเพลงที่ใช้ร้องกับทีมนั้น ๆ โดยเฉพาะครับ ผมก็เริ่มซึมซับ เริ่มร้องตามได้ เริ่มเข้าใจมากขึ้น”
“อย่างฤดูกาลล่าสุดนี้ ผมตามไปเชียร์แทบทุกเกม ถ้าถามว่าผมไปดูเกมไหนมาบ้าง ถามว่าผมไม่ได้ไปดูเกมไหนบ้างดีกว่า.. ผมจำเกมที่พลาดได้มากกว่าเกมที่ไปดู”
แต่ถึงแม้จะมีเกมที่พลาดไปบ้าง แต่ก็พลาดเพราะเหตุสุดวิสัย
“เกมที่พลาดก็อย่างเช่นเกมแรกกับสเปอร์ส เพราะตอนนั้นผมยังไม่ได้กลับไปอังกฤษ, มีเกมกับเวสต์แฮม เพราะพายุเข้า รถไฟ cancel”
“ผมจำนัดที่พลาดได้ครับ นัดที่ไปดูนับไม่ถ้วนจริง ๆ แทบทุกนัดเลยในฤดูกาลที่ผ่านมา”
หลังจากที่ซันได้คลุกคลีกับกลุ่มแฟนบอลซิตี้, นอกจากวัฒนธรรมการเชียร์ในแบบฉบับของชาวอังกฤษแล้ว ซันเล่าว่ามีหนึ่งสิ่งที่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน นั่นคือ คือความรักของแฟนบอลที่มีต่อทีม
“ผมรู้สึกว่าแฟนบอลซิตี้เป็นแฟนบอลที่รักทีมมาก ๆ มีแฟนบอลที่นู่นที่ผมรู้จัก พวกเขาเชียร์มาตั้งแต่สมัยเราใช้สนามเมน โร้ด, ทีมตกชั้น เลื่อนชั้น ไม่ว่าจะโดนล้อ โดนทับถมต่าง ๆ นา ๆ พวกเขาสนับสนุนทีมมาตลอด”
“ส่วนแฟนบอลซิตี้ในสนาม เอาจริง ๆ พูดในฐานะแฟนบอลธรรมดาคนหนึ่ง คือบรรยากาศในสนามนั้นไม่ได้แตกต่างจากทีมอื่น ๆ ในพรีเมียร์ลีกเลย ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน, แตกต่างจากที่เรามักจะถูกล้อตามสื่อออนไลน์”
เมื่อถูกถามถึงเกมที่ประทับใจที่สุด สำหรับตัวซันเองนั้นเลือกได้ไม่ยาก และตอบแบบไม่ลังเล
“เกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2021/22 กับ เล่นในบ้านกับแอสตัน วิลล่า”
“คือที่ผมประทับใจเพราะเราคัมแบ็คได้ ปกติแล้วซิตี้จะเป็นทีมที่เมื่อโดนยิงนำแล้วจะกลับมาไม่ค่อยได้ ยิ่งเราโดนถึง 2-0 ในวันนั้น”
“วันนั้นผมนั่งอยู่โซนติดกับกองเชียร์ของวิลล่าเลย, พอเราโดนนำ พวกเขาเริ่มร้องเพลงล้อเรา ตามสไตล์การเชียร์ของแฟนบอลอังกฤษ พวกเขาร้องประมาณว่า... ‘แจ็ค กรีลิชย้ายทีมไปและไม่ได้แชมป์อะไรเลย’ ”
“ตอน 2-0 นี่คือเงียบทั้งสนาม ผมเปิดโทรศัพท์ไปลุ้นคู่ลิเวอร์พูลแล้วด้วยซ้ำ”
“แต่พอเรายิงได้ 1-2.. ต่อมาซินเชนโก้เลี้ยงหลบ ส่งให้โรดรี้ซัด 2-2 มันเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนนั้นผมมั่นใจเลยว่าลูก 3 ต้องมา และมันก็มาจริง ๆ สนามแทบแตกเลยครับ”
“พอเกมจบ ทุกคนวิ่งลงไปในสนาม ผมก็วิ่งลงไปด้วย แล้วก็จะมีกลุ่มแฟนบอลไปรวมตัวกันอยู่หน้าสแตนด์กองเชียร์วิลล่า ผมก็ไปอยู่ตรงนั้น แล้วพวกเราก็ร้องเพลง SUPER JACK.. สนุกดีครับ เป็นสีสันของการเชียร์ครับ แซวกันไปมา เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของแฟนบอลอังกฤษ”
โดยปัจจุบัน ซันในวัย 21 ย่าง 22 ปี, ได้เรียนจบปริญญาตรีทางด้านการตลาด จาก University of Westminster โดยเขามีแผนที่จะเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ พร้อมกับตามเชียร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมรักของเขาต่อไป
แฟน ๆ สามารถติดตามซันได้ที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของเจ้าตัว Son Suphachai หรืออินสตาแกรม sonspj
อีกทั้งคุณยังสามารถติดตามคอลัมน์ CITYZENS STORY ของเรา, ที่จะนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจของซิติเซ่นส์ชาวไทย ได้ทางเว็ปไซต์ th.mancity.com และ Man City App แอปพลิเคชั่นอย่างเป็นทางการของเรา