แฮร์รี่ เคน ทำแฮตทริค รวมถึงสังหารสองจุดโทษ ชััยชนะที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ทำให้อังกฤษเลื่อนขึ้นเทียบเคียงเบลเยี่ยม รั้งจ่าฝูงกลุ่ม G โดยสองทีมจะประจันหน้ากันในวันพฤหัสบดีนี้ (29 มิ.ย.)
“สิงโตคำราม” สำแดงฤทธิ์เดชได้น่าทึ่งและเป็นการกำชัยครั้งใหญ่สุดในเวิล์ด คัพ ไฟน่อล โดยจอห์น สโตน ได้ยืนเป็นตัวจริงร่วมกับเพื่อนร่วมทีมซิตี้อย่างราฮีม สเตอร์ลิง และไคล์ วอล์กเกอร์ และเพียงแปดนาที อังกฤษก็เบิกสกอร์ได้
สโตนกลายเป็นนักเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คนแรกที่ทำประตูได้ในเวิล์ด คัพ ไฟน่อลให้อังกฤษ นับแต่เทรเวอร์ ฟรานซิส ทำได้เมื่อปี 1982 โดยในเกมนี้ แผงหลังชาวเมืองบาร์นสลีย์ ทำให้อังกฤษขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 8 จากจังหวะเตะมุมฝั่งขวาของ คีแรน ทรปเปียร์ ที่เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษให้สโตน ได้โหม่งจ่อๆ เสียบเสาไกล
ต่อจากนั้น แผงหลังวัย 24 ปี ก็ทำประตูที่สองด้วยการโหม่งเผาขนทำให้อังกฤษนำห่างเป็น 4-0 ในนาทีที่ 40 อังกฤษ จากจังหวะเปิดบอลของแฮร์รี่ เคน ที่โหม่งเข้ากรอบเขตโทษจากด้านขวา ให้ ราฮีม ที่ได้โขกซัลโวเต็มๆ แต่ติดเซฟนายทวารปานามา ก่อนที่บอลจะกระดอนมาเข้าทางสโตน ที่โหม่งซ้ำ เข้าไปตุงตาข่าย
ด้านราฮีม สเตอร์ลิง ก็ได้ทำผลงานยอดเยี่ยมในเกมนี้ด้วยการทำสองแอซซิสต์ให้อังกฤษ ส่วนวอล์กเกอร์ก็ยืนหยัดเป็นปราการเหล็กตลอดเกม นอกจากนี้ฟาเบียน เดลฟ์ ก็เป็นนักเตะซิตี้ คนที่สี่ที่ได้เล่นเกมนี้ โดยเป็นนักเตะสำรอง
จอห์น ได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมนี้ว่า “เป็นเรื่องเยี่ยมที่เราผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปได้ ผมจำได้ดีเมื่อสี่ปีที่แล้ว รู้ว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะผ่านเข้าไป แต่ในเกมนี้ มันคือโมเมนต์ที่พิเศษ เราต้องการสร้างความภูมิใจให้กับประเทศชาติ มาดูกันว่าเราจะผ่านเข้าไปได้ลึกแค่ไหน
“การทำประตูแรกให้อังกฤษของผมเป็นอะไรที่พิเศษสุดๆ โดยเฉพาะในบอลโลก ผมอยากได้คลีนชีท นั่นคือสิ่งที่เราจะทำในเกมต่อไป และหวังว่าผมจะได้ทำประตูจากการทำเซ็ตพีช”