หมดเวลา ณ อาเม็กซ์ สเตเดียม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงฟอร์มดุ บุกมาถล่มไปด้วยสกอร์ 5-0
จากประตูในช่วงครึ่งเวลาแรกของราฮีม สเตอร์ลิ่ง และกาเบรียล เฆซุส จากนั้นในครึ่งหลัง สเตอร์ลิ่งกับแบร์นาร์โด้ก็มาบวกเพิ่มกันอีกคนละประตู
เกมทำท่าว่าจะจบลงแต่ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มาทำแฮตทริกได้สำเร็จในช่วงท้ายเกม ส่งผลให้เป็นแฮตทริกที่ 3 ของเจ้าตัวแล้วในฤดูกาลนี้
จากเกมนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การันตีตำแหน่งรองแชมป์แน่นอนแล้ว
เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
แมนซิตี้ ทำประตูขึ้นนำจนได้ 1-0 นาทีที่ 21 เริ่มจาก ริยาด มาห์เรซ เปิดบอลเกือบครึ่งสนามทางฝั่งขวาไปเข้าหัว กาเบรียล เชซุส บริเวณหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะโขกตั้งให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่บรรจงแต่งบอลเข้าเท้าขวาแล้วกดเต็มข้อบอลพุ่งเลียดเสียบโคนเสาเข้าไปอย่างสวยงาม หมดปัญญาของ แม็ทธิว ไรอัน นายด่านเจ้าบ้านที่พุ่งสุดตัวจะรับถึง
นาทีถัดมา ราฮีม สเตอร์ลิง ไหลบอลไปให้ กาเบรียล เชซุส ในกรอบเขตโทษไบรท์ตันทางฝั่งขวาก่อน เชซุส จะได้หวดเต็มข้อแต่บอลดันไปติดบล็อกแข้งเจ้าถิ่นกระดอนออกไปพ้นเขตอันตราย
นาทีที่ 32 แมนซิตี้ ยังคงสร้างโอกาสบวกสกอร์เพิ่ม เควิน เดอ บรอยน์ ตักบอลโด่งเลยไปเข้าหัว เชซุส ที่พยายามถอยหลังมาโขกเลยบังคับทิศทางไม่ได้ส่งผลให้บอลเหินข้ามคานออกไปไกล
ท้ายเกมนาทีที่ 44 แมนซิตี้ ได้ประตูนำห่าง 2-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาเป็น เควิน เดอ บรอยน์ ที่เปิดบอลโค้งมาเข้าหัว โรดรี้ ได้โขกตั้งไปทางเสาไกลให้ กาเบรียล เชซุส ที่วิ่งสอดหลุดขึ้นมาใช้เท้าซ้ายแหย่บอลเข้าไปแบบจ่อๆ ไม่เหลือซาก
จบครึ่งแรก แมนซิตี้ บุกมานำ ไบรท์ตัน อย่างสบายเกือก 2-0
นาทีที่ 53 เรือใบสีฟ้านำห่าง 3-0 จากจังหวะทำเกมสุดคลาสสิกเริ่มจาก ราฮีม สเตอร์ลิง พาบอลโต้กลับขึ้นมาก่อนส่งให้ เควิน เดอ บรอนย์ แล้วไหลต่อไปที่ ริยาด มาห์เรซ ทางฝั่งขวาเจ้าตัวเงยหน้าเล็งเป้าหมายแล้วตักบอลโค้งไปที่จุดนัดพบให้ สเตอร์ลิง ที่รอยืนรอโขกแบบจ่อๆ เข้าไปไม่พลาดเป้า นับเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้อีกด้วย
นาทีที่ 57 แมนซิตี้ได้ประตูนำ 4-0 จากจังหวะซัดกลางกรอบเขตโทษของด้วยเท้าซ้ายของ แบร์นาโด้ ซิลวา บอลไปตรงตัว แม็ทธิว ไรอัน ทำท่าจะรับไว้ไม่มีอะไร แต่เจ้าตัวดันรับไม่อยู่บอลกระฉอกออกมาถูก กาเบรียล เชซุล ตามเข้ามาซ้ำแต่ ไรอัน ยังตามมาบล็อกไวได้ ซ้ำร้ายบอลไม่เป็นใจกระดอนไปเข้าทาง แบร์นาโต้ ซิลวา วิ่งเขามาแปเข้าไปไม่พลาด
นาทีที่ 78 แมนซิตี้หวิดได้ประตูที่ 5 ดาบิด ซิลบา เปิดบอลไปให้ ริยาด มาห์เรซ หลุดเข้าไปหักหลอก แม็ทธิว ไรอัน นายด่านเจ้าบ้าน แต่ มาห์เรซ ดันยิงไม่ดีบอลไปเข้าข้างตาข่ายทำเอาเจ้าตัวที่มีโอกาสมากมายในเกมนี้ออกอาการสุดเสียดาย
จนแล้วจนรอดนาทีที่ 81 แมนซิตี้นำขาดลอยเป็น 5-0 จากจังหวะเปิดบอลในฝั่งตัวเองของ ดาบิด ซิลบา ให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้กระดกบอลหลบแข้งไบรท์ตันก่อนเจ้าตัวจะตามไปเบียดแย้งกับ อดัม เว็บสเตอร์ กองหลังเจ้าถิ่นเหมือนทั้งฝีเกือกกับโชคชะตาจะตกมาอยู่ฝั่งเรือใบบอลตกมาใส่หัว สเตอร์ลิง ที่ล้มลงแล้วบอลกลับกลิ้งรอดขา แม็ทธิว ไรอัน เข้าไป และกลายเป็นแฮตทริกของดาวยิงทีมชาติอังกฤษในเกมนี้อีกด้วย
เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มจบเกม แมนซิตี้ บุกมาถล่ม ไบรท์ตัน ยับเบิน 5-0 คว้าสามแต้มสำคัญพร้อมการันตีจบฤดูกาลในตำแหน่งรองแชมป์ลีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผลงานของสเตอร์ลิ่ง
กับผลงาน 27 ประตูในขณะนี้ของเจ้าตัว ส่งผลให้เขากลายเป็นแนวรุกอันดับต้นๆของยุโรปที่ยิงประตูได้เยอะในฤดูกาลเดียว
ตอนนี้เขาทำไปทั้งหมด 96 ประตู กับการลงเล่น 237 เกม กับการเหลือเกมในซีซั่นนี้รวมทุกรายการอย่างน้อย 5 เกม มาลุ้นกันว่าเขาจะทำครบ 100 ประตูได้หรือไม่?
ฤดูกาลที่แล้วเขาทำไป 25 ประตู แต่นี่ยังเหลือเกมอีกอย่างน้อยตั้ง 5 เกม ซึ่งก็ต้องไปลุ้นกันต่อในเอฟเอคัพ และศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ต่อไป
สำหรับในตารางดาวซัลโวของลีก สเตอร์ลิ่งยิงตามหลังเจมี่ วาร์ดี้ อยู่ 5 ประตู
เป๊ป กวาดิโอล่า: 'ให้เครดิตกับสเตอร์ลิ่ง'
“วันนี้ต้องยกเครดิตทั้งหมดให้กับเขา ไม่ใช่แค่ 3 ประตู แต่เขาสำคัญต่อเราในทุกๆจังหวะ"
“สำหรับการพัฒนาการในแง่ของผู้เล่น เขาเป็นคนที่อยากปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ เราดีใจกับประสิทธิภาพของเขาในวันนี้”
ไลน์-อัพ:
แมนฯซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์, เอมเมอริค ลาป๊อร์ก, เบนจามิน เมนดี้ (โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ น.64), เอริค การ์เซีย (จอห์น สโตนส์ น.72) - เควิน เดอ บรอยน์ (กัปตันทีม) (ดาบิด ซิลบา น.64), โรดรี้ (แฟร์นันดิโญ่ น.72), แบร์นาโด้ ซิลวา - ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส (ฟิล โฟเด้น น.64), ราฮีม สเตอร์ลิง
สำรอง : คาร์สัน, โอตาเมนดี้, ดอยล์, พัลเมอร์
หมายความว่าอย่างไร…
แมนฯซิตี้ การันตีตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ลีกแน่นอนแล้ว กับการนำ 12 แต้มเหนือเชลซี ในขณะที่เหลืออีกเพียง 3 เกม
กับ 91 ประตูที่ทำในปีนี้ เป็นไปได้อย่างยิ่งด้วยว่าเราจะเป็นทีมที่ยิงประตูเยอะที่สุด
โปรแกรมถัดไป?
ซิตี้จะเฝ้าบ้านเจอกับบอร์นมัธ ในวันพุธเวลา 00.00 น. ในพรีเมียร์ลีก และเจอกับอาร์เซน่อลต่อที่เวมบลีย์ ในคืนวันเสาร์หน้า กับศึกเอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ เวลา 01.45 น.