หัวหอกดาวรุ่งดังกล่าว เป็นหนึ่งใน 5 ผู้เล่นจากอคาเดมี ที่ได้รับโอกาสลงสนามในเกมเมื่อคืน และเบิกประตูแรกให้กับทีมเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน
บอร์นมัธมาตีเสมอได้สำเร็จจากแซม เซอร์ริดจ์ ที่ยิงผ่านมือแซค สเตฟเฟ่น ที่ลงเฝ้าเสาเป็นนัดแรกเข้าไป แต่แล้วในช่วงท้ายเกม ซิตี้ก็มาปิดเกมลงได้สำเร็จจากลูกซ้ำของฟิล โฟเดน
เกิดอะไรขึ้นบ้าง
เริ่มเกมมาได้ 3 นาที บอร์นมัธ มีโอกาสทักทายก่อน อดัม สมิธ ได้จังหวะกลับตัวซัดหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลเหินข้ามคานไปไกล แถมผู้ช่วยผู้ตัดสินยังยกธงล้ำหน้าในจังหวะก่อนหน้าอีกด้วย
ผ่านมาในนาทีที่ 11 แมนซิตี้ตอบโต้กลับมาบ้างและเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ เฟร์ราน ตอร์เรส เข้าไปยิงติดตัว มาร์ค ทราเวอร์ส นายด่านทีมเยือนที่ออกมาปิดมุมได้ดี
จนแล้วจนรอดแมนซิตี้ที่ครองเกมได้มากกว่ามาได้ประตูนำ 1-0 นาทีที่ 18 เมื่อ ฟิล โฟเด้น โชว์การจ่ายบอลเหนือชั้นตัดแผงกองหลังบอร์นมัธเลยไปถึง เลียม ดีแลป ได้กดด้วยเท้าซ้ายระยะเกือบ 18 หลาบอลพุ่งทแยงมุมเสยใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม
แต่แล้วเพียงแค่ 4 นาทีถัดมาบอร์นมัธ ไล่ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จเริ่มจากการพาบอลเกือบครึ่งสนามของ เดวิด บรู๊คส์ จี้เข้าหากรอบเขตโทษแมนซิตี้ก่อนจ่ายให้ แดน กอสลิ่ง ที่จิ้มบอลต่อให้ แซม เซอร์ริดจ์ ทันทีก่อน เซอร์ริดจ์ จะรับบอลด้วยเท้าซ้ายแล้วหมุนตัวหลอก อาเดรียน เบร์นาเบ้ แข้งเจ้าถิ่นที่พยายามตามมาบล็อกแล้วกดเน้นๆ ด้วยเท้าขวาบอลพุ่งทแยงเสียบเสาไกลผ่านมือ แซ็ค สเตฟเฟ่น เข้าไปทำเอาตาข่ายสั่นสะเทือน
ท้ายครึ่งแรกทั้งสองทีมต่างเปิดเกมรุกเข้าหากันแต่จังหวะยังขาดๆ เกินๆ ทำให้แทบไม่มีโอกาสจบสกอร์ทั้งคู่ หมดครึ่งแรกจึงทำให้เสมอกันไปที่ผลสกอร์ 1-1
มาลุ้นต่อในครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 49 แมนซิตี้ ที่โหมเกมบุกและครองเกมได้มากกว่าได้ลุ้นจากจังหวะกึ่งยิงกึ่งผ่านของ ริยาด มาห์เรซ บริเวณมุมกรอบเขตโทษฝั่งขวาบอลตกลงพื้นแล้วผ่านเสาไกลไปได้แค่หวาดเสียวเท่านั้น
ผ่านมาถึงนาทีที่ 75 แมนซิตี้ ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะหวดเต็มข้อตรงกลางกรอบเขตโทษไปชนเสาอย่างจังของ ริยาด มาห์เรซ แล้วบอลกระเด้งมาเข้าทาง ฟิล โฟเด้น หวดซ้ำดาบสองสวนตูมด้วยเท้าขวาเข้าไปไม่เหลือ
นาทีที่ 79 เกมหยุดชะงักไปชั่วครู่เมื่อ เลียม ดีแลป ดาวยิงเรือใบวิ่งเข้าไปชาร์จ มาร์ค ทราเวอร์ส ผู้รักษาประตูบอร์นมัธ ถึงขั้นแพทย์ประจำทีมต้องลงมาปฐมพยาบาลในสนามแต่ก็สามารถเล่นต่อไปได้ในขณะที่ ดีแลป ถูกใบเหลืองไปตามระเบียบ
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มจบเกม แมนซิตี้ เปิดบ้านเฉือน บอร์นมัธ ไปอย่างสนุก 2-1 ส่่งผลให้ทัพเรือใบสีฟ้าผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ
เกมที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งจากอคาเดมี
โฟเดน,การ์เซีย และตอร์เรส ถือเป็นแกนหลักในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา ผสมกับเบร์นาเบ้,ดอยล์,ฮาร์วูด-เบลิส และผู้ทำประตูอย่างเลียม ดีแลป ซึ่งถือเป็นการให้โอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับเป๊ป กวาดิโอล่า
Man of the Match - ฟิล โฟเดน
1 ประตู 1 แอสซิสต์ ของมิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษคนนี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเป็นแกนหลักของขุมกำลังดาวรุ่งซิตี้ ในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา
หมายความว่าอย่างไร
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ในศึกคาราบาวคัพต่อไป โดยจะต้องบุกไปเยือนเบิร์นลีย์ ณ เทิร์ฟ มัวร์ หลังจากพวกเขาดวลจุดโทษเอาชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดมาได้
โปรแกรมถัดไป
ทีมของเป๊ป กวาดิโอล่า จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของงจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอย่างเลสเตอร์ ซิตี้ ณ เอติฮัท สเตเดียม ในวันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน ตั้งแต่เวลา 22.30 น. เป็นต้นไป
รายชื่อ
CITY: แซ็ค สเตฟเฟ่น, ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริค การ์เซีย, เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส - ฟิล โฟเด้น, โรดรี้ (เควิน เดอ บรอยน์ น.61), โทมัส ดอยล์ (ราฮีม สเตอร์ลิง น.67), อาเดรียน เบร์นาเบ้ (เบนฌาแม็ง เมนดี้ น.33) - ริยาด มาห์เรซ, เฟร์ราน ตอร์เรส - เลียม ดีแลป
SUBS: คาร์สัน, อาเก้, เมนดี้, เอ็นเมช่า, พัลเมอร์
BOURNEMOUTH: มาร์ค ทราเวอร์ส - แจ็ค ซิมพ์สัน, เอ็นนัมดี้ โอโฟบอร์, ลอยด์ เคลลี่ (จอร์แดน เซมูร่า น.28) - ดิเอโก้ ริโก้ (สตีฟ คุก น.64), ฟิลิปป์ บิลลิง, แดน กอสลิ่ง, ลูอิส คุก, อดัม สมิธ - เดวิด บรู๊คส์ (กาวิน คิลเคนนี่ น.76) - แซม เซอร์ริดจ์
SUBS: เบโกวิช, สเตซี่, เลอมา, คิลเคนนี่, อันโธนี่