จอห์น สโตนส์ เข้าไปชาร์จบอลจ่อ ๆ เข้าประตูจากจังหวะฟรีคิกของฟิล โฟเดน ช่วยให้ลูกทีมของเป๊ป กวาดิโอล่า ออกนำไปก่อนในช่วงครึ่งเวลาหลัง ก่อนจะเป็นแฟร์นันดินโญ่ กัปตันทีม จัดการวอลเล่ย์ระยะ 20 หลา ปิดกล่อง พาซิตี้เข้าไปชิงคาราบาวคัพเป็นสมัยที่ 4 กับท๊อตแน่ม ฮ๊อตสเปอร์ส
ก่อนเกมมีการสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับโคลิน เบลล์ ยอดตำนานของสโมสรที่อำลาโลกนี้ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ทั้งคู่พึ่งพบกันไปในพรีเมียร์ลีก ณ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งผลจบลงด้วยการเสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 เกมนี้เริ่มเขี่ยบอลมาไม่ถึง 3 นาที แค่โอกาสแรกของ “ผีแดง” ก็ส่งบอลเข้าก้นตาข่ายหลัง มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปซัดติดเซฟ แซ็ค สเตฟเฟ่น ก่อนบอลมาชน จอห์น สโตนส์ เข้าไป ทว่าเชิ้ตดำเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าของ แรชฟอร์ด ไปก่อนทำให้เจ้าถิ่นชวดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย
เช่นเดียวกับ “เรือใบสีฟ้า” หลังอีกสองนาทีถัดมา อิลคาย กุนโดกัน ส่งบอลผ่าน ดีน เฮนเดอร์สัน เข้าไปแล้วแต่ มาร์ติน แอตกินสัน เป่าเป็นล้ำหน้าไปก่อน
ต่อมาในนาทีที่ 9 “ผีแดง” หวิดขึ้นนำอีกครั้ง หลังเจ้าถิ่นตัดบอลได้มาถึง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ป้ายคืนให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส วิ่งมาปั่นด้วยขวากำลังจะเสียบเสาไกลอยู่แล้วแต่ แซ็ค สเตฟเฟ่น ยังเหินปัดบอลออกไป
4 นาทีให้หลัง ลูกทีมของ เป๊ป ตอบโต้มาแบบทันควันและเกือบจะได้ประตูขึ้นนำเหมือนกัน หลัง ราฮีม สเตอร์ลิง ควบบอลจี้เข้าหน้ากรอบก่อนจ่ายให้ เควิน เดอ บรอยน์ ตั้งป้อมซัดด้วยขวา บอลพุ่งแรงเป็นจรวดแต่ไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
นาที 24 แมนฯซิตี้ ชวดได้ประตูอีกครั้ง และคราวนี้ ฟิล โฟเด้น ควบบอลเกือบครึ่งสนามจากซ้ายเข้าไปยิงลอดขา ดีน เฮนเดอร์สัน เข้าก้นตาข่ายไปแล้ว แต่ไลน์แมนยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้าของ โฟเด้น เก่อนชวดได้ประตูนำอีกหน
อีกนาทีถัดมา เป็นโอกาสเสียวของเจ้าถิ่นบ้าง จากจังหวะที่ เฟร็ด แทงออกขวาให้ แรชฟอร์ด เลี้ยงจี้ล็อคหนี อเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ก่อนซัดไปติดเข่า รูเบน ดิอาส
บอลเล่นกันสนุก แต่ก็ยังมีความระมัดระวังทั้งสองฝ่าย แม้ทีมเยือนจะครองได้เหนือกว่า แต่จังหวะบุกของ “ผีแดง” ก็สวนกลับมาได้ลุ้นตลอด นาที 34 สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลองกดด้วยขวานอกกรอบบ้างแต่ก็ยิงหลุดกรอบออกไป จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเสมอกับ แมนฯ ซิตี้ 0-0
เริ่มครึ่งเวลาหลัง
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาที 50 “เรือใบสีฟ้า” มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้ หลังลูกฟรีคิกของแมนฯซิตี้เปิดมาแฉลบ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ก่อนบอลเลยมาเสาไกลโดนเข่า จอห์น สโตนส์ เข้าไป แม้ผู้ตัดสินจะเช็กวีเออาร์แต่ก็ยืนยันให้ประตู
นาที 57 ทีมเยือนตอบโต้มาอย่างรวดเร็ว อิลคาย กุนโดกัน พาบอลขึ้นมาแล้วจ่ายออกซ้ายให้ ฟิล โฟเด้น ตักบอลเข้ามาให้ ราฮีม สเตอร์ลิง โขกย้อนไปเสาแรก บอลกำลังจะย้อยเข้าอยู่แล้วแต่ยังโดน ดีน เฮนเดอร์สัน พุ่งปัดออกไปหวุดหวิด
บอลสวนกลับของ “ซิตี้” ยังวูบวาบหน้ากลัว นาที 62 เกือบได้เม็ดที่สองนำห่างหลัง กุนโดกัน แทงอีกครั้งให้ ริยาด มาห์เรซ ซัดนอกกรอบบอลพุ่งแรงแต่ยังไปติดเซฟของ ดีน เฮนเดอร์สัน ปัดออกหลัง
นาที 65 “ผีแดง” ได้ลุ้นบ้างหลัง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ยิงนอกกรอบแต่บอลตกพื้นก่อนพุ่งไปเข้ามือ แซ็ค สเตฟเฟ่น
นาที 83 สกอร์ของ แมนฯซิตี้ นำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะลูกเตะมุมของ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดมาเสาแรกโดน อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล สกัดแล้วไปเข้าหัว วาน-บิสซาก้า โขกทิ้งไปเด็ดขาดไปเข้าทาง แฟร์นันดินโญ่ ยิงสวยเสาแรกเข้าไปหมดสิทธิ์ที่ ดีน เฮนเดอร์สัน จะป้องกัน
จบเกม แมนฯยูไนเต็ด แพ้คาบ้านให้ แมนฯซิตี้ 0-2 ส่งให้ “เรือใบสีฟ้า” ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์อีกสมัย พบกับ สเปอร์ส ในรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 25 เมษายน นี้ ที่สนามเวมบลี่ย์ สเตเดียม
โปรแกรมถัดไป
ซิตี้จะได้กลับมาเตะช่วงบ่ายอีกครั้งกับเบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ที่เอติฮัด สเตเดียม ในศึกเอฟเอคัพ รอบ 3 เริ่มเตะเวลา 20.30 น.
ส่วนพรีเมียร์ลีกจะกลับมาเตะในวันพุธที่ 13 มกราคม ที่เอติฮัดอีกครั้ง ต้อนรับการมาเยือนของไบรท์ตัน
ไลน์-อัพ
แมนฯ ซิตี้ : แซ็ค สเตฟเฟ่น - เจา กันเซโล่, รูเบน ดิอาส, จอห์น สโตนส์, อเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ - แฟร์นันดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน - ริยาด มาห์เรซ (โรดริโก้ น.79), เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเด้น - ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
สำรอง: แทรฟฟอร์ด, วอล์คเกอร์, เฆซุส, อเกวโร่, เมนดี้, เอ็นเมช่า, ฮาร์วูด-เบลลิส, เอ็มบีเต้
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดีน เฮนเดอร์สัน - อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์ - สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ (เมสัน กรีนวู้ด น.75), เฟร็ด (ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค น.88), ปอล ป็อกบา - บรูโน่ แฟร์นันด์ส - อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด
สำรอง: เด เกอา, ไบญี่, เตลเลส, ทวนเซเบ้, เจมส์, มาต้า, มาติซ, ฟาน เดอ เบค
News about Man United v Man City
ไฮไลท์: ยูไนเต็ด 0-2 ซิตี้
ชมไฮไลท์จากเกมเมื่อคืนที่ทัพซิตี้บุกไปเอาชนะยูไนเต็ดได้ถึงถิ่น 2-0 ในรายการคาราบาว คัพ และผ่านเข้าสู่รอบชิงเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน Watch more