ยังไม่รวมที่ แบร์นาร์โด้ ซัดชนคาน และราฮีม สเตอร์ลิ่ง ซัดจุดโทษพลาดในช่วงทดเวลา ส่งไบรท์ตันลงไปที่ 17 ของตาราง
จากผลในนัดนี้ทำให้ซิตี้ เก็บสามแต้มพร้อมแซงขึ้นไปรั้งอันดับ 3 และยืดสถิติไร้พ่ายเป็นเกมที่ 14 ติดต่อกันทุกรายการ นอกจากนี้ เควิน เดอ บรอยน์ ยังทำสถิติแอสซิสต์มากสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีกแซงหน้า เธียร์รี่ อองรี ไว้ที่ 75 แอสซิสต์
เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมไม่แพ้ใครมา 13 เกมติดทุกรายการ เกมนี้ได้ เอแดร์ซอน หายป่วยจากโควิดกลับมาเฝ้าเสา แนวรุกใช้สามประสานอย่าง ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์ และฟิล โฟเด้น
ส่วน เกรแฮม พ็อตเตอร์ นายใหญ่ไบรท์ตันส่ง เพอร์ซี่ เทา ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในลีกเกมแรกโดยทำเกมรุกร่วมกับ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ และเลอันโดร ตรอสซาร์
เกมครึ่งแรก เจ้าบ้านบุกกดดันตั้งแต่ต้นเกม นาทีที่ 7 ฟิล โฟเด้น เก็บบอลก่อนไหลคืนหลังให้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ซัดไปติดบล็อค
ถัดมานาที 13 ไบรท์ตันได้โอกาสยิงหนแรกหลัง เลอันโดร ตรอสซาร์ ฉีกไปเก็บบอลด้านซ้ายก่อนตักบอลเลยไปเสาสอง โยเอล เฟลท์มัน วิ่งตามมาเก็บก่อนหวดเปรี้ยงเหินโด่งไปแบบไม่มีลุ้น
จากนั้นอีกนาทีเดียว “ซิตี้” พลาดโอกาสทองขึ้นนำอย่างน่าเสียดายหลัง อิลคาย กุนโดกัน แทงบอลให้ เควิน เดอ บรอยน์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดติดขา โรเบิร์ต ซานเชซ
นาที 19 ลูกทีมของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ไม่เกรงกลัวตอบโต้มาอีกครั้ง และยังเป็น เลอันโดร ตรอสซาร์ ที่ป่วนเกมรับเจ้าถิ่นเลี้ยงจี้เข้าเขตโทษก่อนปั่นด้วยขวาแต่บอลยังโค้งไม่พอหลุดกรอบออกไป
ถัดมาอีกนาทีเดียว บอลต่อเนื่องจากลูกเตะมุมของ ฟิล โฟเด้น บอลเลยมาถึง เควิน เดอ บรอยน์ ที่อยู่เสาไกลตะบันด้วยขวาเต็มแรงแต่บอลพุ่งไปเข้ามือ โรเบิร์ต ซานเชซ
จากนั้นนาที 26 เควิน เดอ บรอยน์ ตักบอลข้ามแนวรับทีมเยือนให้ ริยาด มาห์เรซ ใช้ความเร็ววิ่งไปเก็บบอลก่อนยิงมุมแคบหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย
ถัดมาอีก 2 นาที ไบรท์ตันมาเสียฟรีคิก 2 จังหวะในกรอบเขตโทษไม่ถึง 10 หลาหลังผู้ตัดสินมองว่า แดน เบิร์น ส่งบอลคืนให้ โรเบิร์ต ซานเชซ รับบอล ก่อนที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จะเขี่ยให้ เควิน เดอ บรอยน์ ซัดเต็มแรงไปติดบล็อค
บอลสวนกลับของ “เรือใบ” เกือบได้ลุ้นขึ้นนำหลัง นาที 40 เดอ บรอยน์ กระชากจากหน้าประตูขึ้นมาแล้วป้ายออกขวาให้ ฟิล โฟเด้น ก่อนคืนให้ เควิน เดอ บรอยน์ กระชากเข้าไปซัดมุมแคบแต่ยังติดเซฟของ โรเบิร์ต ซานเชซ ออกหลังอย่างน่าเสียดาย
ช่วงท้ายครึ่งแรก นาที 44 แมนฯซิตี้ มาปลดล็อคพังประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้จากการประสานงานของ เควิน เดอ บรอยน์ จ่ายให้ ฟิล โฟเด้น จับบอลสัมพัสแรกแล้วตัดเข้ากลางหลุดเข้าไปซัดเลียดเบียดเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ ทำสถิติแอสซิสต์มากสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีกเป็น 75 แอสซิสต์ แซงหน้าเธียร์รี่ อองรี ตำนานอาร์เซน่อลที่ทำไว้ 74 แอสซิสต์
จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ ไบรท์ตัน 1-0
เริ่มครึ่งเวลาหลัง
ครึ่งหลัง นาที 58 เจ้าบ้านเกือบได้ลุ้นเม็ดที่สองหลัง ชูเอา กานเซโล่ ตักบอลให้ ริยาด มาห์เรซ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งถากเสาสองออกไปแบบได้เสียว
ไม่ถึงนาทีถัดมา “เรือใบสีฟ้า” ชวดได้ประตูอีกคราวนี้ มาห์เรซ จ่ายออกซ้ายให้ อิลคาย กุนโดกัน หลุดเข้าไปซัดติดเซฟของ โรเบิร์ต ซานเชซ แต่บอลยังไปเข้าทาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ม้วนหลบแล้วซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งไปชนสามเหลี่ยมอย่างน่าเสียดาย
นาที 77 ไบรท์ตันเกือบได้ลุ้นหลัง นีล โมเปย์ จะหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ เอแดร์ซอน อยู่แล้วแต่ยังดีที่ จอห์น สโตนส์ ยังเร็วเหยียดขาสไลด์บอลสกัดไว้ได้ทัน
ช่วงทดเจ็บ นาที 90+2 เจ้าบ้านมาได้ลูกที่จุดโทษหลัง เดอ บรอยน์ โดน โรเบิร์ต ซานเชซ นายด่านไบรท์ตันรวบขา ผู่้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทว่า ราฮีม สเตอร์ลิง ดันยิงพลาดข้ามคานไปแบบน่าผิดหวัง
จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ ไบรท์ตัน 1-0 คว้าสามแต้มพร้อมแซงขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ชั่วคราวมี 32 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ และเอฟเวอร์ตัน แต่ลูกได้เสียดีกว่า แถมแข่งน้อยกว่าอีกหนึ่งเกม ส่วน ไบรท์ตัน แพ้เป็นเกมที่ 8 ของฤดูกาล ยังมีแค่ 14 คะแนนรั้งอันดับ 17 ของตารางเหมือนเดิม
แข้งที่โดดเด่นที่สุด : ฟิล โฟเดน
พละกำลัง , ไหวพริบ และการทำงานหนัก ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือคนที่โดดเด่นที่สุด กับประตูอันชาญฉลาดของเขา
หลังเกมจาก บอสเป๊ป
“ไม่ว่าคุณจะเป็นทีมระดับท็อปหรือถ้าคุณมีคุณภาพของผู้เล่นที่เรามีก็ตาม เมื่อคุณต้องต่อสู้กับทีมที่มีความกล้าหาญของเกรแฮม พอตเตอร์ มันมักจะเป็นเรื่องยากเสมอ - เรารู้ดีเราจึงทำได้ดีในช่วงสุดท้าย 15 นาทีของครึ่งแรก เมื่อเราครองบอลได้เยอะ “
“เราสร้างโอกาสที่ชัดเจน 5 หรือ 6 ครั้งในการทำประตู - และพวกเขารับมือเราได้ดีจริงๆ
“มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับเราในวันนี้ การดิ้นรนในช่วง 10 หรือ 15 นาทีสุดท้ายของเกม ผมยินดีสำหรับความพยายามนี้ เพราะเราชนะมา 4 เกมติดต่อกัน - ตอนนี้เราจะไปโฟกัสต่อกับเกมพาเลซ”
หมายความว่าอย่างไร
ในเกมคู่สเปอร์สพวกเขาเสมอกับฟูแล่มไป 1-1 นั่นหมายความว่าซิตี้ ทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 3 ในตารางพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการ และยังมีเกมตามหลังยูไนเต็ดและลิเวอร์พูลอยู่ 1 เกม
โปรแกรมถัดไป
ซิตี้จะเปิดบ้านรับคริสตัล พาเลซ อีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ เวลา 02.15 น.
ไลน์-อัพ
แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน โมราเอส GK - เจา กันเซโล่, จอห์น สโตนส์, รูเบน ดิอาส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ - โรดริโก้ , อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาร์โด้ ซิลวา - ริยาด มาห์เรซ (กาเบรียล เฆซุส น.67), เควิน เดอ บรอยน์, ฟิล โฟเดน (ราฮีม สเตอร์ลิง น.82)
สำรอง : สเตฟเฟ่น, วอล์คเกอร์, สเตอร์ลิ่ง, ตอร์เรส, เมนดี้, แฟร์นันดินโญ่, ฮาร์วูด-เบลลิส, เอ็มบีเต้
ไบรท์ตัน : โรเบิร์ต ซานเชซ GK - อดัม เว็บสเตอร์, ลูอิส ดังค์, แดน เบิร์น - โยเอล เฟลท์มัน, เบน ไวท์, ดาวี ปร็อปเปอร์ (โซลลี่ มาร์ช น.68), แบร์นาร์โด้ - เพอร์ซี่ เทา (นีล โมเปย์ น.68), อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ - เลอันโดร ตรอสซาร์ (เรด้า คาดร้า น.86)
สำรอง : กรอสส์, เซคิรี่, วอลตัน, ซานเดอร์ส, เจงค์ส, เวียร์
News about Man City v Brighton
ไฮไลท์ประตู : แมนฯซิตี้ 1-0 ไบร์ทตัน
รวมทุกแอ็คชั่นในเกมเปิดบ้านซัดทัพนกนางนวล... Watch more