เซอร์กิโอ อเกวโร่ คัมแบ็คกลับมาซัดประตูอีกครั้ง หลังจากลงสนามไปในช่วงเวลาไม่ถึง 10 นาที ทำให้ซิตี้ปิดจ๊อบเกมนี้ไปด้วยสกอร์ 3-0

เฟร์ราน ตอร์เรส ซัดเบิกร่องให้กับซิตี้ก่อนหลังจากเริ่มครึ่งหลัง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ซัดอีกลูกในช่วงทดเวลา แต่ประตูของอเกวโร่ ถือเป็นเรื่องโดดเด่นที่สุดในเกมนี้ หลังจากที่เขาลงมายิงจากม้านั่งสำรอง

เกิดอะไรขึ้นบ้าง?

เปิดฉากครึ่งแรกมาได้แค่ 8 นาที “เรือใบสีฟ้า” ได้ลุ้นก่อนเลยหลัง แบร์นาร์โด ซิลวา แทงบอลให้ ริยาด มาห์เรซ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดด้วยซ้ายแต่บอลยังไปติดตัว สตีฟ ม็องด็องด้า ออกหลังไป

เกมรุกเจ้าถิ่นมาดุโหมบุกเข้าใส่มาร์กเซยอย่างหนัก นาที 12 แบร์นาร์โด ซิลวา เรียกฟรีคิกทางด้านขวา ก่อนที่ อิลคาย กุนโดกัน จะเปิดไปกลางประตูให้ อายเมริค ลาปอร์กต์ ข้ามคานออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 30 ดิมิทรี ปาเยต หลุดเข้าไปดีดไซด์ก้อยมุมแคบผ่านมือ แซ็ค สเตฟเฟ่น เข้าไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นล้ำหน้าไปก่อนทำให้ชวดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

ช่วงทดเจ็บ นาที 45+2 ฟิล โฟเด้น ได้กดด้วยซ้ายจากด้านซ้ายของกรอบแต่บอลก็ยังไม่ผ่านมือ สตีฟ ม็องด็องด้า จบครึ่งแรก แมนฯซิตี้ ยังทำอะไร มาร์กเซย ไม่ได้เสมอกันแบบไร้สกอร์ 0-0

ครึ่งเวลาหลัง

ครึ่งหลัง นาที 48 “เรือใบสีฟ้า” มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะตะลุยเลี้ยงบอลเข้าไปของ ริยาด มาห์เรซ ก่อนแทงทะลุช่องให้ เฟร์ราน ตอร์เรส สอดเข้ามายิงด้วยขวาลอดแขน สตีฟ ม็องด็องด้า เข้าไป

เจ้าถิ่นเร่งกดดันและบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง นาที 65 ไคล์ วอล์คเกอร์  ได้ลองกดด้วยขวาเท้าถนัดจากนอกกรอบแต่บอลยังไปโดน ม็องด็องด้า ล้มตัวปัดออกไป

นาที 77 เจ้าถิ่นมาได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 บอลจากลูกเตะมุม ฟิล โฟเด้น เปิดมากลางประตูให้ นาธาน อาเค่ โขกเต็มหัวไปติดเซฟของ สตีฟ ม็องด็องด้า แต่บอลยังไปเข้าทางปืน “กุน” อเกวโร่ ซัดเข้าไปไม่พลาด

นาทีที่ 90 “เรือใบสีฟ้า” มาได้ประตูนำห่าง 3-0 จากจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ตัวสำรองที่ลงมาครึ่งหลังเก็บตกจังหวะที่ สตีฟ ม็องด็องด้า รับไว้ไม่อยู่ตามซ้ำเข้าไป

จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ มาร์กเซย 3-0 ซิวแชมป์กลุ่มด้วยการมี 16 คะแนน ควงปอร์โต้ที่มี 13 คะแนนเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

และนั่นเป็นประตูที่ 1,000 ของซิตี้ ณ เอติฮัด สเตเดียม ถือเป็นตัวเลขหลักที่มากเลยทีเดียว!

เกมนัดต่อไป

ตารางแข่งทั้งหมด

Premier League

Man United

GMT

Man City

คาดเดาขุนพลที่เตรียมไว้สำหรับดาร์บี้แมตซ์

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจต้องเจอกับปัญหาการเลือกกองหลัง ลงใช้งานสำหรับแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ แต่นั่นคงไม่ทำให้เขาคิดมากเท่าไหร่

อายเมริค ลาปอร์กต์ ได้ลงมาคุมหลังบ้านในเกมนี้ หลังได้หยุดพักไปในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งในช่วงที่เขาไม่อยู่จอห์น สโตนส์ ก็ทำได้ดีเช่นกัน

เช่นเดียวกันกับ รูเบน ดิอาส และแน่นอนว่าการจับคู่ลงสนามทั้งกับลาปอร์กต์ และสโตนส์ เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจแน่นอน

คลีนชีท 5 เกมติดต่อกัน

ตอนนี้ซิตี้ผ่านไปห้าเกมโดยไม่เสียประตูเลยแม้แต่ประตูเดียว

การปิดประตูห้ามยิงแบบนี้ บ่งบอกได้ถึงคุณภาพในแนวรับของเรา ซึ่งตรงกันข้ามกับปัญหาในการตั้งรับของเราเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

กองหลังของเรากำลังเล่นด้วยความมั่นใจ ยิ่งไปกว่านั้นทัั้งอาเก้ และสเตฟเฟ่น แม้จะไม่ได้ลงมาหลายวีค แต่วันนี้พวกเขาก็พิสูจน์แล้วว่าทำได้ดีเช่นกัน

หมายความว่าอย่างไร…

เกมนี้ไม่มีผลอะไรกับซิตี้ที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว - แต่กระนั้นซิตี้ ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มได้ดีที่สุดโดยมี 16 คะแนนจาก 18 คะแนนเต็ม

โปรแกรมต่อไป?

งานต่อไปของเราคือศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตซ์ ณ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งซิตี้มีโจทย์ให้ล้างแค้นหลังพ่ายมาในครั้งล่าสุด 2-0 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 

เริ่มคิกออฟ เที่ยงคืนครึ่ง วันเสาร์นี้

หลังเกมจากกวาดิโอล่า

“ ใช่ครับ ผมมีความสุขจริงๆ

“ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีที่เราเล่นเกมทั้งหมด โดยไม่เสียประตู

“ เรายิงประตู เราเสียประตูเพียงลูกเดียวในรอบนี้ และโดยทั่วไปแล้วมันเป็นผลงานที่ดี

“ เราอยู่ในรอบต่อไปและเราเห็นแล้วว่า ทุกทีมที่ผ่านเข้ารอบนั้นยอดเยี่ยมมาก

“ มันจะเป็นการจับฉลากที่น่าสนใจมาก ขอให้เราโชคดี “

หลังเกมจากแบร์นาร์โด้

“มันเป็นเกมที่ดี เรารู้ดีว่าเราผ่านเข้ารอบมาแล้ว แต่ก็ยังดีที่จะจบด้วยการชนะ 3-0 ในบ้าน

“เรามีความสุขและตอนนี้เราอยู่ในรอบต่อไป

“เราอยู่ใน 16 ทีมสุดท้ายและเป้าหมายของเราคือต้องทำให้ดีกว่าที่เราทำได้ในสามฤดูกาลที่ผ่านมา

“ตอนนี้เราชนะไม่กี่เกมแล้วและเมื่อคุณชนะเป็นประจำมันง่ายกว่าที่จะชนะอีกครั้งและชนะอีกครั้ง

“เป็นเรื่องดีเราต้องการรักษาโมเมนตัมต่อไป เรามีเกมที่ยากกับยูไนเต็ด แต่เราต้องการชนะต่อไป”

ไลน์-อัพ

แมนฯซิตี้ : แซ็ค สเตฟเฟ่น - ไคล์ วอล์คเกอร์, อายเมริค ลาปอร์กต์, เอริค การ์เซีย (จอห์น สโตนส์ น.28), นาธาน อาเค่ - แฟร์นันดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน (ราฮีม สเตอร์ลิง น.46) - ริยาด มาห์เรซ (เซร์คิโอ อเกวโร่ น.67), แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ฟิล โฟเด้น - เฟร์ราน ตอร์เรส 

สำรอง : คาร์สัน, เฆซุส, อเกวโร่, เดอ บรอยน์, เมนดี้, กันเซโล่, เอ็นเมช่า, ดอล์ย, พาลเมอร์, เบอร์นาเบ้

โอลิมปิก มาร์กเซย : สตีฟ ม็องด็องด้า - ฮิโรกิ ซากาอิ, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, เลโอนาร์โดบาแลร์ดี้, ยูโตะ นางะโตโมะ - บูบาการ์ กามาร่า (วาล็องแต็ง ร็องกิเย่ร์ น.67) - ฟลอริยง โตแว็ง (มาร์เลย์ อาเก้ น.75), มอร์กกาน ช็องซง, ปาเป้ เกเย่ (เควิน สตรูทมัน น.75), วาเลเร่ แชร์กแมง (ดาริโอ เบเนเด็ตโต้ น.75) - ดิมิทรี ปาเยต (มิกาเอล กุยซองต์ น.67)

สำรอง: เดอ ลิม่า, คาเต้า-คาร์, เปเล่, คาอูย, เปอร์แรง, วานนี่