ทีมชาติฝรั่งเศสเอาชนะทีมชาติสเปนไปได้ 2-1 คว้าแชมป์ศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ไปครองได้สำเร็จ

เกมนี้ครึ่งเวลาแรกทั้งสองทีมเล่นกันอย่างรัดกุม และแทบไม่มีจังหวะลุ้นใด ๆ และไม่มีสกอร์เกิดขึ้น

CITY+ | SIGN UP TO ACCESS EXCLUSIVE CONTENT

โดยเป็นฝั่งฝรั่งเศสด้วยซ้ำที่ไม่ค่อยได้ขึ้นเกมบุก และเป็นสเปนที่ดูมีโอกาสมากกว่า

เฟร์ราน ตอร์เรส ลงเล่นในตำแหน่งปีกขวาได้อย่างมีชีวิตชีวา และโรดริโก้ก็เล่นควบคู่กันได้ดีกับเซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ในตำแหน่งมิดฟิลด์

อายเมริค ลาปอร์กต์ เคียงข้างเอริค การ์เซีย อดีตเพื่อนร่วมทีมซิตี้ ไม่ค่อยมีปัญหากับการรับมือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์ และคาริม เบนเซม่า ในช่วง 1 ชั่วโมงแรก โดยทีมแชมป์โลกแทบไม่ยิงไม่เข้าเป้าเลย

ตอร์เรสซึ่งทำได้ 2 ประตู ในชัยชนะเหนืออิตาลีเมื่อกลางสัปดาห์ หลุยส์ เอ็นริเก้ ตัดสินใจใช้เป็นปีกในเกมนี้เป็นส่วนใหญ่

ตอร์เรส ซึ่งเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมากในฤดูกาลนี้ว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาคือกองหน้าหรือปีก

เป๊ป กวาดิโอล่า เปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของหมายเลข 21 ซิตี้คนนี้ ว่าเหมือนกับ เจมี่ วาร์ดี้ ของ เลสเตอร์ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เขาไม่ค่อยได้รับโอกาสในเกมบุกเจาะพื้นที่ตรงกลางในเกมนี้เท่าที่ควร

และในที่สุดเมื่อทัพกระทิงดุ เป็นฝ่ายบุกมากกว่าหลังผ่านไป 65 นาที พวกเขาก็ยังดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในเส้นทางสู่ชัยชนะที่ซาน ซิโร่

เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ผ่านบอลเข้าเท้าของ มิเกล โอยาร์ซาบาล ได้ซัดบอลเข้ามุมขวาล่างเป็นสกอร์ 1-0

แต่กระนั้นอีกสองนาทีถัดมา ฝรั่งเศส มาทวงประตูตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ คราวนี้ เอ็มบั๊ปเป้ ไหลให้ คาริม เบนเซม่า ปั่นโค้งๆ บอลพุ่งเบียดเสาไกลเข้าไปอย่างงดงาม

ท้ายเกม นาที 80 แฟนตราไก่ได้เฮกันลั่นเมื่อ เตโอ แอร์กน็องเดซ ควบบอลขึ้นมาก่อนจะให้ไปที่ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ หลุดเข้าไปซัดอย่างเยือกเย็นให้ ฝรั่งเศส พลิกแซงนำสเปน 2-1 แม้ว่าฝ่ายผู้เล่นกระทิงดุจะพยายามประท้วงว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าของ เอ็มปั๊ปเป้ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อวีเออาร์ยืนยันให้ประตู

จบเกม ฝรั่งเศส แซงเอาชนะ สเปน 2-1 ผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ส่วนอันดับ 3 เป็น อิตาลี ที่เอาชนะเบลเยียมไป 2-1