สำหรับบางสโมสรอาจเป็นเรื่องปกติ สำหรับสโมสรอื่น ๆ อาจไม่ธรรมดา... สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา คือข้อพิสูจน์และภาพสะท้อนของความสม่ำเสมอ กับซิตี้ในเวทียุโรป

ซิตี้เพิ่งเอาชนะปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสที่เอติฮัด ด้วยสกอร์ 2-1 ล้างตาในการพบกันครั้งแรกในรอบแบ้งกลุ่ม ศึกแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ

ประตูของราฮีม สเตอร์ลิ่ง และกาเบรียล เฆซุส พลิกเกมและทำให้ซิตี้เป็นแชมป์กลุ่ม (อีกครั้ง) และผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์

ใช่... นี่เป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกันและเป็นครั้งที่ 5 ในฐานะแชมป์กลุ่ม

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่? แน่นอน! เราขอพาแฟน ๆ ย้อนไปติดตามการเดินทางในช่วงเวลาเหล่านั้นพอสังเขป ในทุก ๆ ปี ที่เราได้ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์

CITY+ | สมัครเพื่อรับคอนเทนต์สุด Exclusive

ความผิดหวังที่กลายเป็นประสบการณ์

ในตอนที่ซิตี้สามารถคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จหลังจากรอคอยมานานถึง 44 ปี ในฤดูกาล 2011/12 แน่นอนว่า ‘ความหวัง’ อีกอย่างที่ตั้งเป้าไว้สูงก็คือการได้สัมผัสรสชาติของการแข่งขันระดับสูงสุดในเวทียุโรป ที่ห่างหายจากสโมสรไปนานชั่วลมหายใจ

อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงนั้นไม่สวยหรู เมื่อทัพเรือใบสีฟ้า ต้องลิ้มรสชาติที่ขมขื่นจริง ๆ ในฤดูกาลแชมเปี้ยนส์ลีก 2012/13 ที่ทีมเข้าไปร่วมอยู่ในกลุ่ม D “กรุ๊ป ออฟ เดธ” ซึ่งเราจมอยู่ท้ายตารางหลังจากผ่านไป 6 เกม

เสมอ 3 แพ้ 3 ทำให้ซิตี้ทำได้ทั้งหมดเพียง 3 แต้ม ตัวแทนของเยอรมนี โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สามารถครองตำแหน่งสูงสุด ตามด้วยเรอัล มาดริดในอันดับที่ 2 พวกเราตกรอบในการผ่านเข้าสู่ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งมี อาแจ๊ก อัมสเตอร์ดัม กอดคอกลับบ้านเป็นเพื่อน

ช่างเป็นประสบการณ์ที่ขมขื่นแต่ทรงคุณค่าสำหรับแชมป์ลีกจากอังกฤษ

Sergio Aguero menghindari kejaran Ilkay Gundogan yang masih berseragam Dortmund dan Sven Bender dalam laga Grup C UCL di tahun 2012
Sergio Aguero menghindari kejaran Ilkay Gundogan yang masih berseragam Dortmund dan Sven Bender dalam laga Grup C UCL di tahun 2012

9 ปี ยังไม่สาย

เช่นเดียวกันกับบทเรียนชีวิต หลังจากประสบความล้มเหลว แน่นอนเราจะต้องพยายามทำให้ดีขึ้นในทุก ๆ โอกาสต่อไป

การเป็นรองแชมป์ลีกในฤดูกาล 2012/13 ทำให้ซิตี้ได้กลับมาเล่นถ้วยนี้โดยตรง เพื่อลุ้นผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีกในปีต่อไป และซิตี้ก็ไม่ทำผิดพลาดซ้ำสองในรอบแบ่งกลุ่ม

แม้จะเจอกับความพ่ายแพ้ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สอง หลังจากแพ้บาเยิร์น มิวนิค 3-1 แต่ซิตี้ก็กลับมาชนะทั้ง 5 เกมที่เหลือ รวมถึงการล้างตาด้วยการเอาชนะบาเยิร์น มิวนิค 3-2 ในบ้านของพวกเขา ด้วยประตูจากดาบิด ซิลวา, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ และเจมส์ มิลเนอร์

ซิตี้สามารถผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม ที่เป็นรองแค่ผลต่างประตูกับทีมจากแคว้นบาวาเรียน ที่อยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงด้วยคะแนน 15 คะแนน เท่ากัน

ปีนั้นเปรียบเสมือน ‘ประตูบานแรก’ ที่ทำให้ซิตี้สามารถผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ เป็นเวลา 8 ปีจนถึงปัจจุบัน โดยที่ซิตี้ยังอยู่ในลีกสูงสุดของพรีเมียร์ลีกมาโดยตลอดและเข้าสู่โซนแชมเปียนส์ลีกด้วยการเป็นแชมป์มาถึง 4 ครั้ง รองแชมป์ 2 ครั้ง และตำแหน่งที่ 3 และ 4 อย่างละครั้ง

DOWNLOAD แอปพลิเคชั่น MAN CITY

แชมป์กลุ่มทั้ง 5 ครั้ง 

กว่าทศวรรษที่เราประสบความสำเร็จในลีก และส่งผลให้ได้ไปเล่นถ้วยใบใหญ่ของยุโรปในช่วง 10 ฤดูกาลที่ผ่านมาในแชมเปี้ยนส์ลีก

นอกจาก 9 ฤดูกาลติดต่อกันที่ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์แล้ว อีกตัวอย่างหนึ่งของการเสริมความแข็งแกร่งใน ‘สีสัน’ ฟุตบอลของซิตี้ในยุโรป ก็คือการประสบความสำเร็จในการผ่านเข้ารอบด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่มของแชมเปี้ยนส์ลีก 5 ฤดูกาลล่าสุดติดต่อกัน

สถิตินี้ทำให้เราเป็นทีมที่ 2 ของอังกฤษที่ทำได้ ตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อนบ้านของเรา

ในช่วง 5 ฤดูกาลหลังสุดของรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก ซิตี้แพ้เพียงครั้งเดียวในแต่ละฤดูกาลที่แตกต่างกันทั้ง 3 ฤดูกาล เพราะในฤดูกาล 2019/20 และ 2020/21 ซิตี้ไม่เคยแพ้ในรอบแบ่งกลุ่ม

Phil Foden rayakan gol ke gawang Dynamo Zagreb Pada Laga Grup C tahun 2019
Phil Foden rayakan gol ke gawang Dynamo Zagreb Pada Laga Grup C tahun 2019

ใน 5 ฤดูกาลนี้ ซิตี้ ยังทำประตูได้มากกว่าเลขสองหลัก ทุกฤดูกาลในรอบแบ่งกลุ่ม โดยทำไปได้อย่างน้อย 13 ประตู และมากที่สุดในฤดูกาล 2021/22 นี้ ที่ทำไปถึง 17 ประตู และยังเหลืออีก 1 เกมให้เล่นอีกด้วย

บทพิสูจน์ประสิทธิภาพการเล่นของทีม ที่ถูกพัฒนาโดย เป๊ป กวาดิโอล่า

และความสำเร็จล่าสุดของซิตี้ ในการผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์แชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน ด้วยการเอาชนะ PSG 2-1 ที่บ้านของเรา ชัยชนะที่ทำให้ซิตี้ผ่านเข้ารอบด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่มอีกครั้ง

เป็นอีกฤดูกาลที่เพอเฟกต์ ในการได้เห็นแข้งซิตี้ถึง 9 คน มีชื่อเป็นผู้ทำสกอร์ในแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งรวมถึงประตูเปิดตัวของแข้งเยาวชนจากอะคาเดมี อย่าง โคล พาลเมอร์ ที่ทำประตูได้อย่างสวยงามเกมที่ซิตี้เอาชนะคลับ บรูจจ์ 1-5 ในเกมที่ 3 

แม้ว่าฤดูกาลที่แล้วจะเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของซิตี้ในแชมเปียนส์ลีกโดยเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับการเป็นฝันร้ายของทีม หลังจากต้องพ่ายแพ้ให้กับเพื่อนร่วมลีกอังกฤษอย่างเชลซี แต่ซิตี้จะไปได้ไกลแค่ไหนในฤดูกาลนี้ จะไปถึงในการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก หรือไม่?

อย่างที่อิลคาย กุนโดกัน ได้กล่าวเอาไว้ในฐานะกัปตันเมื่อเกมที่แล้ว

“ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ไม่ว่าจะเป็นปีนี้หรือปีอื่น มันเกี่ยวกับความต้องการที่จะไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ของพวกเรา จากนั้นการผสมผสานระหว่างโชค, คุณภาพเล็กน้อย และผู้เล่นที่เหมาะสม จะทำให้เราสามารถทำได้ ต้องคือเป้าหมายของเรา”


ขอให้ความพยายามและการดิ้นรนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยของเรา ได้รับผลลัพธ์ที่เหมาะสมในถ้วยยุโรปนี้เสียที!