กองทัพของรอย ฮัดจ์สัน รู้ดีว่านัดนี้เป็นนัดชี้ชะตาว่าจะอยู่หรือจะไป (บราซิล) ซึ่งพวกเขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างประทับใจดัวยการเอาชนะโปแลนด์ 2-0 โดยเวนย์ รูนีย์ และสตีเฟ่น เจอร์ราดเป็นฮีโร่ยิงประตู

โจ ฮาร์ท ได้ร่วมทีมชาติเป็นครั้งที่ 37 ส่วนเจมส์ มิลเนอร์ได้ลงเล่นในฐานะผู้เล่นสำรองและได้ช่วยเซ็ทประตูให้เจอร์ราด ยิงเป็นการการันตีชัยชนะ

แฟนๆ ทีมโปแลนด์ประมาณ 18,000 คนเข้ามาเชียร์ที่สนามแข่ง ซึ่งโปแลนด์ได้โอกาสทำประตูหลายครั้ง ตัวอันตรายอย่างโรเบิร์น ลีวานโดสกี้ ก็ได้พยายามยิงประตูในช่วงเปิดเกม 25 นาที และได้ประจันหน้ากับโจ ฮาร์ท แต่นายทวารเบอร์หนึ่งของอังกฤษก็สกัดลูกทรงพลังได้ทันท่วงที

แต่อย่างไรก็ตาม อังกฤษได้โอกาสทำประตูดีกว่า และในนาทีที่ 41 โปแลนด์ก็ถูกกดดันอย่างมากเนื่องจากเวนย์ รูนีย์ ได้ยิงประตูแรกให้กับสิงโตคำรามโดยลีธตัน ไบนส์ ตัดบอลผ่านมาให้จากฝั่งซ้าย

หลังจากพักครึ่ง โปแลนด์กลับมาด้วยฟอร์มสดใหม่ แต่โจ ฮาร์ท ก็ยังสู้ตายไม่ยอมปล่อยให้ตีเสมอ โดยเฉพาะโจ ฮาร์ท ได้ประจันหน้าตัวต่อตัวกับคู่ปรับสำคัญ ลีวานโดสกี้ ซึ่งโจ ฮาร์ท ก็โชว์ฟอร์มเยี่ยมไม่ทำให้ชาวอังกฤษผิดหวังสักนิด

มิลเนอร์ได้ลงเล่นในสนามเพียงห้านาทีก็ได้สร้างความเร้าใจสุดขีดเมื่อเขาส่งบอลให้เจอร์ราดซึ่งได้ยิงประตูที่สองไปได้รวดเร็วและสวยงาม

สองประตูชัยของอังกฤษทำให้อังกฤษได้เป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม H ด้านยูเครนเอาชนะแซน มาริโน่ โดยถล่มไป  8-0

มาดูกันต่อที่ฝั่งสเปน สเปนต้องการเพียงหนึ่งแต้มเพื่อจะได้ผ่านเข้ารอบ ดังนั้นการปะทะกับจอร์เจียครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องกดดันมากเท่าไรนัก โดยอัลวาโร เนเกรโด ก็ได้ยิงประตูแรกให้กับสเปน สุดท้ายชนะไป 2-0

ที่สำคัญ สเปนเป็นทีมผู้ไม่แพ้ในศึกเวิล์ดคัพ รอบคัดเลือกหลังจากลงเล่น 53 เกม

เนเกรโดและนาบาสลงเล่น 90 นาทีให้สเปน ส่วนดาบิด ซิลวาเป็นผู้เล่นสำรอง

สเปนนำไปก่อนจากการยิงประตูของเนเกรโดในนาทีที่ 26 ซึ่งเป็นประตูที่สิบของเขาในการร่วมทีมชาติ 19 ครั้ง

ฌอน มาตา ได้ยิงประตูที่สองให้สเปนโดยมีพิคเป็นผู้เซ็ทประตูให้ และเป็นเหตุให้สเปนผ่านเข้ารอบไปชิงชัยในศึกบอลโลกที่บราซิลเดือนมิถุนายน ปีหน้า