ราฮีม สเตอร์ลิ่ง สวมบทฮีโร่ ซัดประตูชัยให้ทีมชาติอังกฤษ เอาชนะโครเอเชียไปได้ 1-0 ประเดิมศึกยูโร 2020

แนวรุกซิตี้ ทำประตูสำคัญดังกล่าวได้ในนาทีที่ 56 เพื่อส่งให้ทัพทรีไลออนส์ ออกสตาร์ทอย่างสมบูรณ์แบบในกลุ่มดี 

แข้งวัย 26 ปี รับบอลจาก คาลวิน ฟิลลิปส์ ที่แทงทะลุข่องมาให้ ก่อนหลุดเดี่ยวไปยิงสวนตัว โดมินิค ลิวาโควิช เข้าประตูไป 

DOWNLOAD แมนฯ ซิตี้ แอพพลิเคชั่น

โดยนัดนี้ 4 ขุนพลทีมชาติอังกฤษของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกสตาร์ท ทั้งหมด ไคล์ วอล์คเกอร์ , จอห์น สโตนส์ , ฟิล โฟเด้น และสเตอร์ลิ่ง ซึ่งทั้งหมดก็ยังเป็นขุนพลชุดฟุตบอลโลก 2018 ที่ไปจนถึงการต่อเวลาพิเศษในรอบรองชนะเลิศในทัวร์นาเมนต์ที่รัสเซียด้วย เมื่อ 3 ปีก่อน

โฟเดน ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ในปี 2017 ขณะที่อังกฤษคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในการแข่งขันระดับนานาชาติรายการใหญ่

เจ้าของรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมจาก PFA ลงไปพร้อมทรงผมใหม่ ‘แกสซ่า สไตล์’ ซึ่งเจ้าตัวเกือบได้ออกสตาร์ทแบบสุดเพอเฟกต์ จากการตวัดยิงจ่อ ๆ ในช่วง 5 นาทีแรก 

เกมการแข่งขันในบ้าน และการไม่เคยชนะในเกมเปิดหัวของพวกเขาที่ยูโรมาก่อน ความกดดันจึงตกมาอยู่ที่อังกฤษ แต่เจ้าบ้านเริ่มต้นอย่างสดใสกับประตูของสเตอร์ลิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เห็นจังหวะเข้าทำมากมายในช่วงต้นเกม

แนวรุกผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ MBE จากการเป็นกระบอกเสียงเพื่อความเท่าเทียมทางเชื้อชาติในกีฬา ได้เจาะเข้าไปทางกราบซ้าย และยิงฮาล์ฟวอลเลย์ระยะไกลหลุดกรอบออกไป

ในอีกด้านหนึ่งของสนาม วอล์คเกอร์ และสโตนส์ ยังคงไม่มีงานหนักมากนัก - อีวาน เปริซิช กับโอกาสในครึ่งแรกที่ค่อนข้างหายากสำหรับผู้มาเยือน 

จังหวะการได้ประตูของอังกฤษ ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วมีผู้เล่นซิตี้ที่เกี่ยวข้องอยู่ทั้ง 2 คน เริ่มตั้งแต่วอล์คเกอร์ ผ่านบอลไปให้ฟิลลิปส์ ก่อนจะจ่ายทะลุช่องไปให้สเตอร์ลิ่งทำประตูชัย

จากนั้นแฮร์รี่ เคน และเมสัน เมาท์ ก็เกือบได้บวกเพิ่มเป็นสองประตู ในขณะที่ อันเต้ เรบิช และ มาร์เชลโล่ โบรโซวิช ก็พลาดโอกาสทำประตูตีเสมอเช่นกัน

โฟเด้นถูกเปลี่ยนออกในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ก่อนที่สเตอร์ลิ่งจะได้ซัดข้ามคาน

การจู่โจมก่อนหน้านี้ของกองหน้าซิตี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าเพียงพอที่จะได้รับชัยชนะ - ชัยชนะที่เหมาะสมสำหรับเด็กผู้ที่เติบโตขึ้นมาภายใต้เงาของสนามกีฬาแห่งชาติ อันเป็นสัญลักษณ์ของอังกฤษ

สเตอร์ลิ่งถูกเปลี่ยนออกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พร้อมกับเสียงปรบมือ

นัดที่สองในกลุ่ม D จะเห็นอังกฤษเผชิญหน้ากับสกอตแลนด์ ซึ่งจะเริ่มการแข่งขันกับสาธารณรัฐเช็ก ในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน (20:00 น.)

ลูกทีมของเซาท์เก็ธ จะเป็นเจ้าภาพเจอกับสก็อตในวันที่ 18 มิถุนายน เวลา 02:00 น. หลังจากที่โครเอเชียและสาธารณรัฐเช็ก จะเจอกันก่อนในเวลา 23:00 น.

ทัพทรีไลออนส์ จะเล่นรอบรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายกับสาธารณรัฐเช็กในวันที่ 22 มิถุนายน เวลา 02.00 น. ขณะที่สกอตแลนด์จะพบกับโครเอเชียในเวลาเดียวกัน