นักเตะวัย 21 ปีจะย้ายมาร่วมทีมในวันที่ 1 กรกฎาคม โดยจรดปากกาเซ็นสัญญา 5 ปีกับสโมสร นั่นจะทำให้อยู่ในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยมไปจนถึงปี 2027
เขาเป็นลูกชายของอดีตแข้งซิตี้, อัลฟี่ อิงเก้ ฮาลันด์ - โดยฮาลันด์จูเนียร์เป็นที่รู้จักอย่างมากในฐานะหนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งที่ดีที่สุดในยุโรป, เขาย้ายมาสู่ทัพซิตี้ด้วยสถิติการยิงประตูที่น่าทึ่ง หลังจากลงเล่นกับสโมสรโมลด์ FK, เร้ด บูลล์ ซัลส์บวร์ก และดอร์ทมุนด์
ฮาลันด์ลงเล่นกับทีมชาตินอร์เวย์ไปแล้วทั้งหมด 21 นัด, ยิง 86 ประตูจากการลงสนาม 89 เกมใน 2 ฤดูกาลครึ่งกับ ‘เสือเหลือง’ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเยอรมัน และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมบุนเดสลีก้าประจำฤดูกาล 2020/21
“วันนี้เป็นวันที่น่าภาคภูมิใจสำหรับผมและครอบครัว” เขากล่าวกับ mancity.com หลังจากย้ายมาร่วมทีมซิตี้
“การได้เดินตามรอยเท้าพ่อและสวมเสื้อสีฟ้าจะเป็นช่วงเวลาที่พิเศษอย่างเหลือเชื่อสำหรับผม
“ผมได้ดูซิตี้มาโดยตลอดแในฤดูกาลที่ผ่าน ๆ มา คุณอดไม่ได้ที่จะชื่นชมสไตล์การเล่นของพวกเขา มันน่าตื่นเต้น และพวกเขาสร้างโอกาสมากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เล่นอย่างผม
“มีผู้เล่นระดับโลกมากมายในทีมนี้ และเป๊ปเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ดังนั้นผมเชื่อว่าผมมาถูกที่แล้ว ที่จะเติมเต็มความทะเยอทะยานและความฝันของผม
“ผมต้องการทำประตู คว้าแชมป์ และพัฒนาขึ้นไปในฐานะนักฟุตบอล และผมมั่นใจว่าผมจะทำสิ่งนั้นได้ที่นี่
“นี่เป็นการย้ายทีมที่ยอดเยี่ยมสำหรับผม และผมแทบรอไม่ไหวที่จะเริ่มต้นในช่วงปรีซีซั่น”
ซิกิ เบกิริสไตน์ ผู้อำนวยการฟุตบอล กล่าวเสริมว่า: “เราได้ติดตามเออร์ลิ่งมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเรามีความยินดีที่ดึงตัวเขามาที่นี่ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
“เขามีพรสวรรค์อย่างมากและเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในยุโรปในช่วงสองสามฤดูกาลที่ผ่านมา สถิติการทำประตูของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก และผลงานของเขาที่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแชมเปี้ยนส์ลีก ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จในระดับสูงที่สุด
“เออร์ลิ่งมีทุกอย่างที่เราต้องการในตำแหน่งกองหน้า และเรามั่นใจว่าเขาจะเก่งกาจในทีมนี้และระบบนี้
“พัฒนาการของเขาน่าทึ่งมาก แต่เขายังอายุเพียง 21 ปี ปีที่ดีที่สุดของเขากำลังรออยู่ข้างหน้า และเรามั่นใจว่าเขาจะทำงานได้ดียิ่งขึ้นกับเป๊ป กวาร์ดิโอล่า
“นี่เป็นการเซ็นสัญญาที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับสโมสรของเรา และผม่มั่นใจว่าแฟน ๆ ของเราจะสนุกกับการดูเออร์ลิ่งโชว์ผลงานในทีมนี้”
ทุกคนที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยินดีต้อนรับเออร์ลิ่งสู่สโมสร และขออวยพรให้เขาโชคดีกับช่วงเวลาที่นี่
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เครื่องจักรสังหารประตู
จนถึงตอนนี้ เส้นทางการค้าแข้งของเออร์ลิ่ง ฮาลันด์มีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่น นั่นคือประตู
เขามีสถิติการส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายที่น่าทึ่ง ในช่วง 6 ปีมานี้ นับตั้งแต่ที่ประเดิมสนามลงเล่นในฟุตบอลอาชีพ และจากคุณลักษณะของเขาแล้ว แสดงให้เห็นว่าเขาคือกองหน้าในอุดมคติของโลกฟุตบอล
แข็งแกร่ง, สูงใหญ่, ว่องไว, เก่งในลูกกลางอากาศและสามารถทำประตูได้หลากหลายจากเท้าทั้งสองข้าง เขาจะเข้ามาเติมเต็มในตำแหน่งกองหน้า และอุดช่องว่างในสิ่งที่ขาดหายไปของซิตี้ นับตั้งแต่เซอร์จิโอ้ อเกวโร่ย้ายออกจากทีมเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว
เขาเกิดในลีดส์, ในตอนที่พ่อของเขากำลังค้าแข้งอยู่ในพรีเมียร์ลีก, ครอบครัวของเขาย้ายไปยังเมือง Byrne, ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของนอร์เวย์ ตอนที่ฮาลันด์ตัวน้อยอายุได้ 3 ขวบ
เออร์ลิ่งเข้าฝึกซ้อมกับทีมท้องถิ่นก่อนที่จะอายุครบ 10 ขวบ และพัฒนาเข้าสู่ระบบอะคาเดมี่ ก่อนที่จะประเดิมลงสนามในลีกรองของนอร์เวย์ในตอนที่อายุยังไม่ถึง 16 ปี
ต่อมาได้ย้ายมาร่วมสโมสรโมลด์ FK, เขาประเดิมลงสนาม ด้วยการยิงประตูชัยในฐานะตัวสำรอง เป็นสัญญาณให้เห็นถึงสิ่งที่กำลังจะตามมาต่อจากนั้น เขาจบฤดูกาล 2018 ด้วยการเป็นดาวซัลโวของสโมสร ยิงไป 12 ประตูจาก 25 เกมลีก ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี
ฟอร์มการเล่นในลีกบ้านเกิดของเขาทำให้เร้ด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทีมแชมป์ออสเตรียดึงตัวไปร่วมทีมในเดือนมกราคม 2019 เขาลงเล่น 5 เกมในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล แต่นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ฤดูกาลต่อมา ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในโลกฟุตบอล จากฟอร์มการเล่นในสนาม และเซนส์ในการยิงประตู
ในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม 2019 ถึง กันยายน 2019 เขายิงไป 17 ประตูจากการลงเล่น 9 เกม, โดยทำได้ 3 แฮตทริก รวมถึงแฮตทริกในเกมประเดิมสนามแชมป์เปี้ยนส์ลีกที่พบพบกับเกงค์
เขาย้ายมาร่วมทีมดอร์ทมุนด์ในเดือนมกราคมปีต่อมา, หลังจากที่ยิงไป 28 ประตูใน 22 เกมกับซัลส์บวร์ก และไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงเล่นที่บุนเดสลีก้า
เขายิงแฮตทริกได้ในเวลาเพียง 23 นาที ในชัยชนะ 5-3 เหนือเอาก์สบวร์ก, ยิงอีกเกมละ 2 ประตูในอีก 2 เกมต่อมา, เขากลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ถึง 5 ประตูในการประเดิมสนาม 2 เกมแรกในบุนเดสลีก้า และยิง 7 ประตูใน 3 เกมแรกกับการลงเล่นที่เยอรมนี
ฮาลันด์จบฤดูกาล 2019/20 โดยยิงไปทั้งหมด 44 ประตูจากการลงเล่น 40 นัดให้กับทั้งซัลซ์บวร์กและดอร์ทมุนด์, และยิงไปอีก 41 ประตูในฤดูกาล 2020/21
นั่นรวมถึงการยิง 4 ประตูกับใส่แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และ 2 ประตูใส่เซบีย่า - ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ UCL ที่ยิงครบ 20 ประตู
แม้ว่าดอร์ทมุนด์จะจบในอันดับ 3 รองจาก RB ไลป์ซิกและบาเยิร์น มิวนิค แต่ฮาลันด์ก็ยิง 2 ประตูในนัดชิงเดเอฟเบ โพคาล พาทีมคว้าชัยชนะเหนือไลป์ซิก 4-1, และจบฤดูกาลด้วยถ้วยรางวัล
ผลงานของเขาตลอดฤดูกาลนั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของบุนเดสลีก้า ในขณะที่เขายังทำประตูได้มากที่สุดในแชมเปี้ยนส์ลีกคว้ารางวัลกองหน้ายอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของรายการนี้อีกด้วย
ฮาลันด์ได้ลงเล่นเพียง 30 นัดในศึกฤดูกาล 2021/22 ซึ่งมีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขายังคงซัดไ้ป 29 ประตู และในเดือนพฤศจิกายน เขาทำประตูที่ 50 ในลีกสูงสุดเยอรมนี ทำสถิติป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงครบ 50 ประตูในบุนเดสลีก้า
มันเป็นเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันในเกมระดับนานาชาติ เมื่อเขายิงไปแล้ว 20 ประตู จากการลงเล่น 21 นัด ในสีเสื้อทีมชาตินอร์เวย์
เขาประเดิมสนามทีมชาติในวัยเพียง 19 ปี ในชัยชนะ 2-0 เหนือมอลต้า เมื่อเดือนกันยายน 2019 และยิงประตูแรกในการลงเล่นนัดที่ 3, ในเกมกับออสเตรีย 12 เดือนต่อมา
เดือนต่อมา เขายิงแฮตทริกแรกในสีเสื้อทีมชาติ ในเกมที่เอาชนะโรมาเนีย 5-0, ปูทางสู่ตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของศึกเนชั่นส์ลีก 2020/21
เขาเกิดมาเพื่อเป็นยอดดาวยิงอย่างแท้จริง, ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะไล่ล่าประตู และมองหาความสำเร็จในทวีปโรป ภายใต้เสือสีฟ้าของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
สถิติในแต่ละฤดูกาล*
2017/18
ลงเล่น: 14
ประตู: 2
แอสซิสต์: 1
2018/19
ลงเล่น: 27 ลงเล่นกับโมลด์ : 25
ประตูในลีก Eliteserien: 12
แอสซิสต์ในลีก Eliteserien: 4
ลงเล่นกับ เร้ด บูลล์ ซัลส์บวร์ก: 2
ประตูในลีกออสเตรีย: 1
2019/20
ลงเล่น: 29 ลงเล่นกับ เร้ด บูลล์ ซัลส์บวร์ก: 14
ประตูในลีกออสเตรีย: 16
แอสซิสต์ในลีกออสเตรีย: 4
ลงเล่นกับดอร์ทมุนด์: 15
ประตูในบุนเดสลีก้า: 13
แอสซิสต์ในบุสเดสลีก้า: 2
2020/21
ลงเล่น: 28 ประตู: 27
แอสซิสต์: 6
2021/22
ลงเล่น: 24 ประต: 22
แอสซิสต์: 7
*สถิติเฉพาะลีกสูงสุด