ทีมชุดใหญ่

Fan Friday: เอริค โอเคเรเก้ แข้งไทย-ไนจีเรีย ผู้มีซิตี้เป็นแรงบันดาลใจ

สัปดาห์นี้กลับมาพบกับคอลัมน์ที่จะนำเรื่องราวของแฟน ๆ เรือใบสีฟ้า มาถ่ายทอดให้กับทุกคนได้เพลิดเพลินกันอีกครั้ง วันนี้เราได้คุยกับศูนย์หน้าเยาวชนลูกครึ่ง ไทย-ไนจีเรีย ผู้มีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาฝีเท้า

เอริค หรือชื่อเต็ม ๆ คือ ด.ช.เอริค อิเฟอานย์ ชูกุ โอเคเรเก้ เป็นลูกครึ่งไทย-ไนจีเรีย วัย 16 ปี มีคุณแม่เป็นคนไทย ส่วนคุณพ่อเป็นไนจีเรีย ปัจจุบันเจ้าตัวสังกัดอยู่กับ Prime Bangkok fc ที่โลดแล่นอยู่ในไทยลีก 3 ซึ่งเจ้าตัวอยู่ชุด U-16 เราได้เริ่มพูดคุยกับเอริคด้วยคำถามแรกที่ว่า จุดเริ่มต้นในการเชียร์ซิตี้ของเขานั้นเป็นมาอย่างไร

CITY+ | สมัครฟรี เพื่อรับคอนเทนต์สุด Exclusive จากสโมสร 

"ความจริงผมรู้จักซิตี้มานานแล้ว แต่ยังไม่ได้เชียร์ เรายังไม่รู้ว่าเราจะรักหรือเชียร์ทีมอะไรดี จนวันที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หอบถ้วยมาโชว์ที่เมืองไทย ผมก็มีโอกาสได้ไป ตอนนั้นมันก็เริ่มประทับใจ ประกอบกับผมเคยได้ดูคลิปการสอนแท็คติกของเป๊ป ในห้องแต่งตัว แล้วผมรู้สึกว่าชอบมาก ต่อจากนั้นก็เลยเชียร์มาตั้งแต่ตอนนั้น"

 

"ผมคิดว่าเสน่ห์ของแมนฯ ซิตี้ นั้นคือการต่อบอล ทุกคนในสนามรู้หมด โดยที่ไม่ต้องบอกกัน ออกเสียงกัน ทุกคนรู้ใจ และรู้ว่าหน้าที่ของตัวเองต้องทำอะไรกันในแต่ละตำแหน่ง"

ด้วยช่วงวัยที่พึ่งมาติดตามแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจยังมีระยะเวลาไม่นาน แต่เอริค ผู้เตะฟุตบอลมาตั้งแต่ 10 ขวบ ก็ยังทันได้ชื่นชมฝีเท้าของตำนานดาวยิงสูงสุดของซิตี้ อย่าง "เซอร์กิโอ อเกวโร่" 

"ในฐานะที่ผมเล่นเป็นกองหน้า นักเตะที่ชอบที่สุดของซิตี้ ก็คืออเกวโร่ แม้ว่าเขาจะลาทีมไปแล้ว แต่ผมยังติดใจในความเฉียบคมของเขา กุนเป็นคนที่จับบอลไม่ถึง 2 วินาที ก็สามารถสับไกทำประตูได้แล้ว ส่วนตัวผมเองก็มีเขาเป็นแบบอย่างด้วย"

DOWNLOAD แมนฯ ซิตี้ แอพพลิเคชั่น  

เราย้อนคุยกับเอริคไปถึง UCL นัดชิงชนะเลิศฤดูกาลที่ผ่านมา ที่เชื่อว่าใครคนไหนที่เป็นแฟนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ย่อมมีความรู้สึกเดียวกันทั้งหมด เอริค ก็เป็นหนึ่งในนั้น พร้อมกับคิดเห็นว่าต้นเหตุที่แพ้ เป็นเพราะการเปลี่ยนเอาเควิน เดอ บรอยน์ ออกจากสนาม

"วันนั้นผมก็เสียใจ เพราะเราไม่เคยเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกเลย มันคือโอกาสครั้งที่ใกล้ที่สุดที่เราจะคว้าแชมป์ สำหรับผม ผมแค่คลาบแคลงใจว่าทำไมถึงเปลี่ยนเควิน เดอบรอยน์ ออกในเกมนั้น เพราะมันขาดคนเชื่อมเกม ดำเนินการเกมกับทีมไป" 

จะเห็นได้ว่าบ้านเรา โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ณ เวลานี้นั้นได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แบบเต็ม ๆ ในฐานะนักฟุตบอลเองก็เช่นกัน เอริค บอกกับเราว่าปกติแล้วเขาต้องไปฝึกซ้อมอยู่กับทีมในเวลานี้ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้สโมสรของเขาก็มีนโยบายให้ซ้อมอยู่ที่บ้าน ในวิธีการที่คล้ายคลึงกับพรีเมียร์ลีกเช่นกัน

"ผมเองก็ออกไปเตะบอลไม่ได้ครับ แต่สโมสรก็มีนโยบายให้อัดคลิปออกกำลังกาย ฟิตร่างกายอยู่ที่บ้าน และส่งคลิปไปรายงาน แต่มันก็ไม่ดีตรงที่ไม่ได้ซ้อมกับเพื่อน"

 

เอริคในวัย 16 ปี กับส่วนสูงกว่า 183 ซม. หน่วยก้านเหมาะสมเหลือเกินกับตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าที่เขาเล่นอยู่ เราเริ่มคุยกันถึงชีวิตการค้าแข้ง ความใฝ่ฝัน และความแตกต่างระหว่าง พรีเมียร์ลีก และฟุตบอลไทยในความคิดของเขา

"สำหรับผม ผมคิดว่าคนไทยเน้นเทคนิค และประสบการณ์ เอาลงไปใช้ในการเล่นมากกว่า อีกอย่างก็คือหญ้าครับ อันนี้ชัดเจนว่าเราไม่เหมือนบ้านเขาเลย ส่วนสุดท้ายก็คือพรีเมียร์ลีกเขาโฟกัสกับเกม กับการเล่นในสนาม ไม่ใช่อะไรนิดหน่อยก็มีเกเร ทะเลาะกันในสนาม ดูมีน้ำใจนักกีฬากว่า พูดกัน เคลียร์กัน ไม่กี่คำแล้วก็จบ ไม่ได้มีมาเล่นแรงใส่กันในสนามต่อ"

เรายิงคำถามเด็ดกันต่อ ว่าถ้าหากวันนึงเอริคโตขึ้นไป ได้ไปเล่นไทยลีก แล้วทีมชาติไนจีเรีย กับทีมชาติไทย เรียกตัวไปติดทีมชาติ เอริคจะเลือกอะไร?

"ไทยครับ... สำหรับผม ผมคิดว่าตอนนี้ประเทศไทยมันยังไม่เคยไปบอลโลกใช่ไหมพี่ แต่สำหรับไนจีเรีย มันได้ไปบอลโลกของมันอยู่แล้ว ผมเกิดที่เมืองไทยแม้จะไปโตที่ไนจีเรียก็ตาม ผมก็เลยคิดว่าถ้าถึงวันหนึ่ง ในช่วงยุคของผม แล้วผมได้ติดทีมชาติ ผมก็คงดีใจมากที่ได้พาทีมชาติไทยไปบอลโลก" 

 

ก่อนจะลากันไปเรายังได้ทิ้งคำถามถึงซัมเมอร์นี้เอาไว้ว่า ในความเห็นของเอริค อยากให้ซิตี้เสริมใครเข้ามาในทีมเพื่อสู้ศึกฤดูกาลหน้า "เมสซี่ กับ ฮาแลนด์ ครับ" เด็กหนุ่มตอบทันควัน

"อย่างเมสซี่ เหตุผลที่อยากให้มาก็เพราะว่า เขาอยู่กับเป๊ปร่วมงานกันมานานตั้งแต่ที่บาร์เซโลน่า แต่ในส่วนของฮาแลนด์ก็คือ ถ้ามาได้มันคงสุดยอดมาก เก่งด้วย แถมยังอายุน้อย ฟอร์มขนาดนี้ใคร ๆ ก็คงอยากได้"

แฟน ๆ ก็น่าจะได้รู้จักกับเขากันแล้วนะครับ น่าสนใจว่านอกจากจะเชียร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว เจ้าตัวยังมีความมุ่งมั่นที่อยากจะเล่นให้กับทีมชาติไทยในวันข้างหน้าด้วย พวกเราทีมซิตี้ไทยอยากบอกเลยว่า ในการสัมภาษณ์เท่าที่ได้คุยกัน คาแร็คเตอร์ ความเป็นกันเอง และความน่ารักของเอริคนั้น มันทำให้พวกเราเอาใจช่วยตัวเขามาก ๆ ได้แต่ภาวนาให้สถานการณ์ในประเทศของเราดีขึ้น ให้น้องได้กลับไปพัฒนาฝีเท้าต่ออย่างเต็มที่เหมือนที่เคย วันนึงข้างหน้าเราอาจจะเห็นศูนย์หน้าที่ชื่อ "เอริค โอเคเรเก้" สวมเสื้อทีมชาติไทยก็เป็นได้

ไปติดตามเจ้าตัวต่อกันได้ที่ FB: Eric Okereke นะครับ สำหรับ Fan Friday สัปดาห์นี้ขอลาไปก่อน มาติดตามกันต่อว่าสัปดาห์หน้า จะเป็นเรื่องราวของซิติเซ่นส์ชาวไทยคนใด

Mancity.com

31?
loading