เฟร์ราน ตอร์เรส เชื่อว่าทุกคนในทีมมีหน้าที่และบทบาทสำคัญในเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศวันเสาร์นี้

ซิตี้จะลงเล่นพบกับลูกทีมของโธมัส ทูเคิ่ลในเมืองปอร์โต้ เพื่อตามหาแชมป์เปี้ยนส์ลีกสมัยแรกของสโมสร

เป็นความพยายามของทัพเรือใบสีฟ้า, ลูกทีมของเป๊ป กวาดิโอล่าทำงานหนัก และอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างมาตลอดทั้งฤดูกาล

และปีกชาวสเปน เฟร์ราน ตอรืเรส เชื่อว่าเกมในวันเสาร์นี้ จะเป็นการปิดฤดูกาลที่น่าจดจำของทัพซิตี้

CITY+ | SIGN UP TO ACCESS EXCLUSIVE CONTENT

“การที่จะคว้าแชมป์เปี้ยนส์ลีก นักเตะในทีมทุกคนจำเป็นต้องมีส่วนร่วม เพราะทุกคนสำคัญมากในบางจังหวะ ของเกมการแข่งขัน”

“มันคือเรื่องจริง, เราไม่มีดาวซัลโว, แต่เรามีนักเตะหลายคนที่สามารถยิงประตูได้ และนั่นคือหนึ่งสิ่งที่แข็งแกร่งมากสำหรับทีมของเรา”

“เมื่อคุณลงเล่นแชมป์เปี้ยนส์ลีก คุณกำลังพบกับทีมที่ดีที่สุดในยุโรป”

“คุณจำเป็นต้องมีโชคช่วยด้วยในบางเกม ผมคิดว่าทีมของเรานั้นมีประสบการณ์มากขึ้นในการแข่งขันนี้”

“เราไม่ได้ออกสตาร์ได้ดีที่สุด, แต่เมื่อฤดูกาลผ่านไป, เราเติบโตขึ้นมากในฐานะทีม, และเราคู่ควรแล้วกับจุดที่เราเป็น”

“ในพรีเมียร์ลีก, คุณต้องต่อสู้ตลอดทั้งปี เพื่อแชมป์, แต่แชมป์เปี้ยนส์ลีกนั้นพิเศษกว่า”

SUBSCRIBE TO THE OFFICIAL MAN CITY PODCAST

“มันเป็นรายการที่เต็มไปด้วยทีมที่ดีที่สุดในยุโรป และความรู้สึกของชันชนะในรายการนี้ มันจะต้องน่าทึ่งมาก ๆ ในแชมป์เปี้ยนส์ลีกนัดชิง ไม่มีตัวเต็ง”

“มันคือนัดชิง, ทั้งสองทีมจะต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในสนาม ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้, และหวังว่าเราจะชนะ”

“นักเตะทุกคนต้องการชนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมันอาจจะเป็นถ้วยแชมป์ใบแรกของเรา”

นอกจากนี้ ดาวเตะวัย 21 ปียังได้ให้เครดิตกับผู้จัดการทีม ที่ช่วยให้เขาเติบโตทั้งในและนอกสนาม

“เป๊ป คิดเกี่ยวกับฟุตบอลตลอดเวลา 24 ชม. เขาช่วยให้ผมเติบโตขึ้นมากในฐานะนักเตะ กับปีแรกของผมที่นี่”

“เขาช่วยให้ผมเรียนรู้ การลงเล่นในหลากหลายตำแหน่ง เขาสอนผมถึงวิธีการเล่นปีกซ้าย ซึ่งผมไม่คุ้นเคยกับมันมาก่อน”

DOWNLOAD THE OFFICIAL MAN CITY APP

“เขายังสอนผมเล่นในตำแหน่ง false nine, โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนต้นฤดูกาล”

“ผมปลาบปลื้มกับเขามาก เพราะเขาช่วยให้ผมพัฒนาเป็นการส่วนตัว และช่วยให้ผมพัฒนาในฐานะนักฟุตบอล”

“เขาสอนผมถึงหลักการในการเล่นแต่ละตำแหน่งในสนาม ผมคิดว่านั่นทำให้ผมเติบโตขึ้นมา ทั้งในสนาม และในฐานะบุคคลคนหนึ่ง”