ในเดือนสิงหาคม ปี 2011 กับพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ แฟน ๆ ซิตี้ กว่า 46,802 คน และแฟนบอลกลุ่มเล็ก ๆ ได้เข้ามามาที่เอติฮัด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านต้อนรับสวอนซี ซิตี้ ในการแข่งขันนัดแรก ซึ่งเต็มไปด้วยความฮึกเหิมทั่วสนาม ต้อนรับการมาถึงของฤดูกาลใหม่
การจบในสามอันดับแรกฤดูกาลที่แล้ว เป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่กว่าในการต้อนรับฤดูกาลใหม่ของซิตี้
บวกกับข่าวคราวการมาถึงของผู้จัดการทีมอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ ในขณะนั้น
ชื่อกองหน้าหนุ่มวัย 23 ปี ก็ขโมยซีนความสนใจได้เช่นกัน เขาถูกคาดการณ์ หมายหมั้นว่าจะเป็นแนวรุกตัวทีเด็ดของทีม
ทั้งหมดที่เราสามารถพูดได้หลังจากเกมนั้นก็คือ... มันไม่ใช่การคาดการณ์เฉย ๆ อย่างแน่นอน!
CITY+ | สมัครเพื่อรับคอนเทนต์ exclusive จากสโมสร
จุดเริ่มต้น
เกมดังล่าว ซิตี้ใส่ผู้เล่นที่ดีที่สุดในชุดแรก แวงซอง กอมปานี นำทีมลงแผงหลังคู่กับกับ โจเลียน เลสคอตต์, ไมก้าห์ ริชาร์ด และ กาแอล กลีชี่
มิดฟิลด์ 5 คน ทั้งเกมรับและเกมรุก ได้แก่ ดาบิด ซิลวา, ไนเจล เดอ ยอง, อดัม จอห์นสัน, แกเร็ธ แบร์รี่ และยาย่า ตูเร่ และ เอดิน เซโก้ กองหน้าตัวหลัก
ระหว่างนั้นไม่มีใครรู้ ว่าเกมดังกล่าวกำลังรอช่วงเวลาแห่งการฉายแสงอยู่...
เมื่อผู้เล่นในแนวรุกซิตี้ ยังทำประตูไม่ได้ในครึ่งแรก ในแมตช์ที่ ไมค์ ดีน เป็นผู้ตัดสิน
ในครึ่งหลัง ดูเหมือนว่าซิตี้จะปล่อยวางความอึดอัดทั้งหมดในเกมแรกของฤดูกาล เอดิน เซโก้ ทำประตูได้ในนาทีที่ 57
16 นาที ในสนาม
หนึ่งนาทีต่อมา ณ เอทิฮัด มีเสียงเฮกึกก้องอีกครั้งแม้ว่าจะไม่ได้ประตู และแฟน ๆ ก็ยืนปรบมือกัน
นั่นคือตอนที่ทุกคนเห็นหมายเลข 16 บนเส้นทัชไลน์ เตรียมลงสนาม เตรียมประเดิมสนามกับเสื้อสีฟ้า
เซอร์จิโอ้ อเกวโร่ กองหน้าชาวอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของ แอตเลติโก้ มาดริด เมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วย 27 ประตูในทุกการแข่งขัน ได้ลิ้มรสสนามเอติฮัด และสัมผัสบรรยากาศพรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรก
ราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกตึงเครียดใด ๆ เขาสร้างโอกาสที่อันตรายในทันทีด้วยการ ซัดเต็มข้อหลังจากได้รับการจ่ายบอลจาก ยาย่า ตูเร่
ในเวลาไม่ถึง 10 นาทีสำหรับเขาในการพิสูจน์ตัวเอง การครอสของ ไมก้าห์ ริชาร์ด เข้าไปในเขตโทษ พิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีที่ง่ายสำหรับ เอล กุน อย่างที่เขาทราบกันดีในการเปิดสกอร์แรกให้ซิตี้
กลายเป็นสิ่งที่แฟน ๆ ที่เอติฮัด และเพื่อนร่วมทีมต่างได้ชื่นชมในทันที
DOWNLOAD แมนฯ ซิตี้ แอปพลิเคชั่น
ค่ำคืนนี้ยังคงมุ่งสู่ความสมบูรณ์แบบ เพื่อแสดงถึงความเก่งกาจของเขา เขาทำแอสซิสต์ได้โดยไม่ยอมเสียโอกาสเล็ก ๆ ให้กับดาบิด ซิลบา ที่ทำประตูที่ 3 ให้ซิตี้ในคืนนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันคือจุดเริ่มต้นของการเป็นส่วนหนึ่งในตำนานซิตี้ของทั้งคู่
ในช่วงท้ายเกม ผู้เล่นที่เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 1988 ดูเหมือนจะยังไม่เหนื่อย เมื่อเขาได้รับบอลจากยาย่า ตูเร่ นอกกรอบเขตโทษอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ยิงลุกไฟจากระยะ 30 หลา ซึ่งมิเชล ฟอร์ม หยุดประตูดังกล่าวไม่ได้เลย
เป็นฉากปิดของการโชว์ฟอร์มที่สมบูรณ์แบบใน 30 นาที แห่งความรุ่งโรจน์ และเป็น 30 นาทีที่ประกาศถึงอนาคตแห่งความยิ่งใหญ่
“เขายังไม่ 100% เพราะเขามีเวลาแค่สัปดาห์เดียวในการฝึกซ้อมกับทีมใหม่ของเขา แต่เขาจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา”
อดีตกุนซือซิตี้ โรแบร์โต้ มันชินี่ กล่าวหลังเกม
สิ่งนี้ชวนให้นึกถึงคำกล่าวของ มันชินี่ เมื่อเขาเซ็นสัญญากับ อเกวโร่ เป็นครั้งแรก
“ผมจำได้ว่าผมอยากให้เขามาซิตี้ แต่ตอนนั้นผมคิดว่าเขาใกล้จะย้ายไปยูเวนตุสแล้ว ดังนั้นผมจึงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะมาหาเรา เพราะเขามีศักยภาพที่จะเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งใน พรีเมียร์ลีก” มันชินีกล่าว
ประโยคซ้ำ ๆ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วอีกครั้ง
โชว์สถิติ
เซอร์จิโอ้ อเกวโร่ ซึ่งปัจจุบันอยู่กับบาร์เซโลน่ายักษ์ใหญ่ของสเปน ได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในตำนานของสโมสร ซึ่งเป็นชื่อของผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดให้กับสโมสรในประวัติศาสตร์
การสร้างรูปปั้นของเขาที่จะนำไปจัดแสดงที่สนามเอติฮัดในปีหน้านั้น ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีเหตุผล เพราะการทำลายสถิติผู้ทำประตูสูงสุดของซิตี้ ที่กินเวลา 78 ปี โดย อีริค บรูค ที่ 178 คืออเกวโร่ที่ทำได้สำเร็จ
เขาหยุดไม่อยู่จริง ๆ สำหรับสถิติการทำประตู เขาเล่นต่อไปจนในที่สุด จบลงด้วยผลงาน 390 นัดให้ซิตี้ เขาทำได้ 260 ประตู พาทีมคว้า 14 ถ้วยรางวัลกับซิตี้
การเป็นผู้เล่นต่างชาติที่ทำประตูได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก เขายังเป็นดาวซัลโวสูงสุดในพรีเมียร์ลีกด้วยการทำได้ 12 แฮตทริก
และในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายกับซิตี้ ซึ่งเขายิง 2 ประตู เพื่อตอกย้ำความเก่งกาจของเขา นอกจากนี้เขายังทำลายสถิติผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีกให้กับ 1 สโมสร ที่ทำไปได้ 184 ประตู แซงหน้าสถิติก่อนหน้าของเวย์น รูนี่ย์ สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
มันเหมือนกับว่าไม่มีความเหนื่อยล้าสำหรับเขา ตั้งแต่วันเดบิวต์จนถึงเกมสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก ทำให้เราประหลาดใจ ทำให้เรามีความสุข และทำให้เราจดจำเขาตลอดไป กุน อเกวโร่!